Football Sponsored

จอมแอสซิสต์ไทยลีก หวัง “ช้างศึก” ขย่ม “เสือเหลือง” ปิดท้ายคัดบอลโลก – ผู้จัดการออนไลน์

Football Sponsored
Football Sponsored

เผยแพร่:   ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลังจากที่ทัพช้างศึกเสมอกับอินโดนีเซีย 2-2 และพ่ายสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-3 ทำให้มี 9 คะแนน จากการลงสนาม 7 นัด รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม G โดยยังมีลุ้นจบอันดับ 3 เพื่อคว้าสิทธิ์ไปเล่นในศึกเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก

โดย เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แนวรุกวัย 24 ปี แห่งสโมสร สมุทรปราการ ซิตี้ ที่มีดีกรีทำแอสซิสต์สูงสุดของศึกไทยลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา และยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามกับทีมชาติไทยชุดดังกล่าว เปิดเผยว่า

“ตอนนี้เพื่อนร่วมทีมรวมถึงตัวผมพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะพวกเรายังเหลืออีกหนึ่งเกมกับมาเลเซีย ซึ่งมันมีผลต่อการได้ไปเล่นในทัวร์นาเมนต์เอเชียน คัพ 2023”

“ผมต้องการช่วยทีมให้ได้มากที่สุด เพื่อตอบแทนแฟนบอลชาวไทย เพราะพวกเรามาเล่นที่นี่ยังไม่สามารถชนะได้เลย สตาฟฟ์โค้ช นักเตะ รวมถึงทีมงานทุกคนที่อยู่ที่นี่ มีความมุ่งมั่น พวกเรายังเชื่อมั่นในกันและกัน พยายามฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อผลการแข่งขันที่ดี”

“เมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โค้ชนิชิโนะพยายามให้ลูกทีมทุกคนกลับมาแก้ไขกันใหม่ ร่วมมือร่วมใจกัน ผมคิดว่าพวกเราต้องคืนสภาพจิตใจและร่างกายให้เร็วที่สุด เพื่อให้พร้อมที่สุดก่อนเกมกับมาเลเซีย ส่วนเรื่องการได้รับโอกาสลงสนาม ให้เป็นหน้าที่ของโค้ช ผมรู้ว่าทุกคนมีโอกาส อยากให้เตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุด”

“พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ทีมของเราต้องศึกษาคู่แข่งให้ละเอียดผมคิดว่าทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของเราเตรีมแผนรับมือมาเลเซียไว้แล้ว และคิดว่าน่าจะเล่นแบบรัดกุม เพราะเราต้องการชัยชนะในเกมนี้ อยากให้ทุกคนโฟกัสไปที่เกมกับมาเลเซีย”

“ผมพยายามผลักดันตัวเองเพื่อให้มีโอกาสลงสนาม ส่วนเรื่องที่จะได้ลงไปช่วยทีมหรือไม่ ขอให้เป็นการตัดสินใจของโค้ช ผมพร้อมเต็มที่อยู่แล้วสำหรับทีมชาติไทย พร้อมที่จะลงไปสู้เพื่อทีมและแฟนบอล ส่วนเรื่องการจัดตัวผมคิดว่าโค้ชเป็นคนเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดสุดท้าย พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 23.45 น. สนามอัล มัคตูม ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.