Football Sponsored

สถานการณ์แตกต่าง! “พิธิวัตต์” ปลุกเร้า “ช้างศึก” รวมใจสู้แมตช์ชี้ชะตาดวล “ยูเออี” – ผู้จัดการออนไลน์

Football Sponsored
Football Sponsored


พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กองกลางทีมชาติไทย มองว่าการเจอกับยูเออีในครั้งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่ทัพช้างศึกเคยเอาชนะมาได้ 2-1 ที่ประเทศไทย ก่อนมีคิวดวลกันอีกครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดที่ 7

มิดฟิลด์วัย 26 ปี เป็นแข้งตัวหลักของทัพช้างศึกตั้งแต่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น เข้ามาคุมทีมชาติไทย โดยก่อนหน้านี้ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล เคยมีส่วนช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 ในเกมคัดบอลโลก 2022 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2019 ก่อนที่ทั้งสองทีมจะมีคิวพบกันอีกครั้งในเกมนัดที่ 7 ซึ่งทีมชาติไทยต้องการสามคะแนนเท่านั้น เพื่อลุ้นเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายต่อไป

“เกมกับอินโดนีเซียเป็นเกมที่น่าเสียดายครับ ที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ ส่วนตัวผมรู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขัน แต่มันก็ผ่านไปแล้ว” พิธิวัตต์ เริ่มกล่าว

“สิ่งที่ทีมยังต้องปรับร่วมกันผมมองว่าเป็นการสื่อสารร่วมกันในสนามและความสัมพันธ์ในทีมครับ ทุก ๆ การฝึกซ้อมเราจะคุยกันตลอดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่มันเกิดขึ้นในเกมแรก ก่อนลงสนามแมตช์ต่อไปกับยูเออี”

“โค้ชนิชิโนะสื่อสารกับทีมเสมอ คอยแนะนำและหารือร่วมกันในทีม ช่วยกันปรับแก้สิ่งต่างๆ”

“พวกเขา (ยูเออี) มีผลการแข่งขันที่ดีในเกมล่าสุด (ชนะ มาเลเซีย 4-0) ฉะนั้นผมมองว่าพวกเราต้องกลับมาทำงานให้หนักขึ้นในการเตรียมทีม ส่วนในเกมแรกที่เราเคยชนะมา (ทีมชาติไทยชนะ 2-1) ผมมองว่ามันแตกต่างกันสิ้นเชิง ด้วยระยะเวลา, การเตรียมทีม และสิ่งแวดล้อมที่เราต้องมาเยือนพวกเขา เกมที่ไทยมันเป็นอดีตไปแล้ว เราต้องโฟกัสกับปัจจุบันครับ”

“ผมพยายามทำงานหนักอยู่เสมอ ทำตามสิ่งที่โค้ชและสตาฟฟ์ต้องการ ผมเชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือชัยชนะ โอกาสการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของทีมชาติไทยยังมีครับ ถ้าเราช่วยกันเล่นในสองเกมที่เหลือ พวกเราเชื่อว่าเราทำได้” ดาวเตะทัพช้างศึก กล่าวทิ้งท้าย

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.