Football Sponsored

ออเรลิโอ วิดมาร์ กุนซือ​ บีจี​ปทุม​ฯ เมื่อครั้งดวลแข้ง มาราโดน่า – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

การกลับมาคุมทีม​ “กระต่ายแก้ว” บีจี​ ปทุม​ ยู​ไนเต็ด​ ของ​ “ออเรลิโอ​ วิดมาร์” กุนซือชาวออสซี่​ มีเป้าหมายสำคัญ​กับการพา​ เดอะ​ แรบบิท​ ป้องกันแชมป์ไทยลีก​ รวมถึงลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วย​ อีกทั้งขอลุ้นเข้ารอบเอเอฟซี​ แชม​เปี้ย​นส์​ลีก​2021

    บีจี​ ปทุม​ ยู​ไนเต็ด​ หวังพึ่งพาประสบการณ์ของ​ วิดมาร์​ เพื่อนำทีมไปสู่ความหวังที่ตั้งเป้าเอาไว้​

    ประสบการณ์​การเป็นโค้ชของกุนซือวัย​ 54​ ปีรายนี้ถือว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว​ ทั้งระดับเอเอฟซี​ แชมป์​เปี้ย​นส์​ลีก​ รวมถึงระดับทีมชาติออสเตรเลีย​ ผ่านการคุมทัพมาหมดแล้ว

    อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ​ สมัยเป็นนักเตะกองกลางทีมชาติออสเตรเลีย​ “ออเรลิโอ​ วิดมาร์” เคยผ่านการดวลแข้งกับ​ “ดีเอโก้​ มารา​โด​น่า” ซูปเปอร์สตาร์ระดับตำนานโลกของทีมชาติอาร์เจนตินา​มาแล้วในเกมเพลย์​ออฟ​ ชิงตั๋วไปฟุตบอลโลก1994ที่สหรัฐ​อเมริกา​ เป็นเจ้าภาพ

    ตั๋วใบสุดท้ายที่จะไป​ USA 1994 เป็นการดวลกันระหว่าง​ “จิงโจ้” ออสเตรเลีย​ จากโอเชียเนีย​ ดวลกับ​ “ฟ้าขาว”อาร์เจน​ติ​น่า​ แชมป์โลก2สมัย​ที่ทั้งสองทีมต้องดวลกัน 2 นัดเหย้า-เยือนในช่วงปลายปี1993

    นัดแรก​ที่ซิดนีย์​ ออเรลิโอ วิดมาร​์​ มิดฟิลด์​เบอร์8​ ลงเป็น​ 11​ ตัวจริงให้ออสเตรเลีย​ แถมยังทำประตูให้ทีมชาติออสเตรเลีย เปิดบ้านตีเสมอ อาร์เจนติน่า 1-1 ซึ่ง “ฟ้าขาว” ชุดนั้น มี ดีเอโก้ มาราโดน่า, กาเบียล บาติสตูต้า, อาเบล​ บัลโบ้​ รวมถึง​ ดีเอโก้​ ซิเมโอเน่​ ฯลฯ​ ในเกมเพลย์ออฟชิงตั๋วฟุตบอลโลก1994 ก่อนที่นัดสอง “จิงโจ้” จะบุกไปแพ้ที่ บัวโนสไอเรส 0-1 อดไปบอลโลกที่สหรัฐอเมริกา

    เรียกได้ว่า​ ออเรลิโอ วิดมาร์​ กุนซือ​ บีจี​ ปทุม​ ยู​ไนเต็ด​ 2021-22​ ก็เคยมีช่วงเวลาที่น่าจดจำกับครั้งที่ดวลแข้งกับ​ “ดีเอโก้​ มาราโดน่า” ตลอด​ 180​ นาทีเต็มใน​ 2​ เกมเพลย์ออฟที่เกิดขึ้นเมื่อ​ 28​ ปีที่แล้ว

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.