นอกจากการทะยานสู่เวทีชิงแชมป์โลกแล้วผลผลิตผู้เล่นชั้นดีก็มีมากขึ้นจากยุคแรกๆที่ผู้เลนทีมชาติสนามใหญ่สละสตั๊ดมาสวมผ้าใบไล่ล่าความสำเร็จจนเกิดดาวเตะระดับพ่อมดอย่าง อนุชา มั่นเจริญ,จเด็ด พูนเพิ่ม,เอกพงษ์-เอกพันธ์ สุรัตน์สว่าง ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของ “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวเตะที่กลายเป็นภาพลักษณ์ของวงการโต๊ะเล็กไทยในเจนเนเรชั่นปัจจุบัน
ช่วงเวลาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถิติที่ดาวเตะจาก จ.ราชบุรี รายนี้แห่งสโมสรนาโงย่า โอเซียน(ญี่ปุ่น) ที่ บลูเวฟ ชลบุรี ปล่อยยืมตัว ต้องหยุดชะงักสถิติที่สำคัญนั่นคือการลงรับใช้ทีมชาติไทยในเวทีฟุตซอลชิงแชมป์โลกมากที่สุดตลอดกาลเทียบเท่ากับดาวเตะรุ่นพี่ 4 ราย ที่เคยทำไว้ โอกาสที่จะเทียบเท่ากับ 4 แข้งรุ่นใหญ่คงไม่ใช่เรื่องยากแต่ห้วงเวลาหลังจากนี้โอกาสที่จะทำลายหากดูจากอายุคงต้องคอยดูการตัดสินใจของ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง นี่คือเรื่องราวสถิติที่ยอดเยี่ยมของมหาเทพแข้งโต๊ะเล็กรายนี้
จ่อเทียบชั้นพร้อมทำลายสถิติชิงแชมป์โลก
“เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง มีโอกาสลงเล่นฟุตซอลชิงแชมป์โลก รอบสุดท้ายมาแล้ว 2 สมัย ในปี 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และ ปี 2016 ที่ประเทศโคลัมเบีย ซึ่งทั้งสองครั้งพาทีมชาติไทยทะลุรอบน็อคเอาท์ (16ทีม)ทั้งสองครั้ง อีกทั้งยังคว้ารางวัลยิงประตูยอดเยี่ยมของโลกในทัวร์นาเมนต์ทั้ง 2 ครั้ง แต่เส้นทางหลังจากนี้คือสิ่งที่น่าสนใจจากการเลื่อนทัวร์นาเมนต์การแข่งขันทำให้เวทีชิงแชมป์โลก ที่ลิธัวเนียปี 2020 เลื่อนไปเป็น 2021 ซึ่งหากทีมชาติไทยทะลุชิงแชมป์โลกได้สมัยที่ 6 ต่อเนื่องจะเป็นการลงเล่นชิงแชมป์โลกสมัยที่สามของ ศุภวุฒิ พร้อมยกสถิติการลงรับใช้ทีมชาติเทียบเท่ากับสถิติตลอดกาลของ 4 นักเตะ อนุชา มั่นเจริญ,ภานุวัฒน์ จันทา,ณรงค์ศักดิ์ คงแก้ว และ เลิศชาย อิศราสุวิภากรณ์
นอกจาก “อาร์ม”แล้วจะมีอีก 5 ราย ประกอบไปด้วย จีรวัฒน์ สอนวิเชียร,อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ,ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน,กฤษฎา วงษ์แก้ว และ เจษฎา ชูเดช จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นด้วยเช่นกัน อนาคตหลังชิงแชมป์โลก 2021 ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในสนามแข่งขันเพราะด้วยวัยที่มากขึ้นคงต้องดูการตัดสินใจพ่อมดฟุตซอลไทยว่าจะตัดสินใจไปต่อหรือไม่ เพราะหากไปต่อจะกลายเป็นผู้เล่นที่รับใช้ทีมชาติไทยในเวทีฟุตซอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุด
ค้าแข้งต่างแดนมากสุด
การเดินหน้าคว้าแชมป์ในประเทศมากมายกับทั้ง บลูเวฟ ชลบุรี อาจจะเป็นภาพที่เจนตา แต่การพิสูจน์ตัวเองในเวทีที่ยิ่งใหญ่กว่าด้วยการออกไปค้าแข้งต่างแดนในลีกที่ดีกว่ามาตรฐานระดับสูงคือสิ่งที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง กอบโกยมันมาอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องของเกมการแข่งขันในสนามและผลตอบแทนในเรื่องของเม็ดเงิน เหล่านี้คือการยอมรับจากชาติที่เก่งกว่าในการว่าจ้าง “เทพอาร์ม” คือนักฟุตซอลไทยที่มีสัญญาการค้าแข้งต่างแดนมากที่สุด 2 ทวีป 5 ประเทศ 6 สโมสร ประกอบไปด้วย ซานติอาโก ฟุตซอล(สเปน),เปอร์ซิโปลิศ(อิหร่าน),เมส ซันกุน(อิหร่าน),แบล๊คสตีล(อินโดนีเซีย),แบงค์ ออฟ เบรุต(เลบานอน) และ นาโงย่าโอเซียน (ญี่ปุ่น) ล่าสุดคว้าแชมป์กับสโมสรในญี่ปุ่น ซึ่งชีพจรลงเท้าต่างแดนทำให้ทำลายสถิติค้าแข้งต่างแดนของ “บอย”เอกพงษ์ สุรัตน์สว่าง ที่เคยไปค้าแข้ง 2 ทวีป 3 ประเทศ 3 สโมสร ให้กับ สโมสรอัคโทเบ (คาซัคสถาน),สโมสร ELECTRIC PLN (อินโดนีเซีย)และ สโมสร MIU FC (เมียนมา)
รางวัลเฉพาะตัวเพียบ
แม้ว่าจะพาสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งการคว้าแชมป์เอเชีย 2 สมัย 2013,2017 รวมไปถึงฟุตซอลลีก,เอฟเอ คัพ อีกทั้งยังพาทีมชาติไทยคว้ารองแชมป์เอเชียปี 2012 สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่าความสำเร็จทั้งสโมสรทีมชาติ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง คือกลไกชิ้นสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างถึงเป้าหมาย ดังนั้นรางวัลส่วนตัวที่ได้รับก็เป็นการชี้ชัดว่าคุณภาพมหาเทพโต๊ะเล็กรายนี้คือแข้งระดับต้นของทวีป “เทพอาร์ม” คว้ารางวัลยิงประตูยอดเยี่ยมชิงแชมป์โลก 2 สมัย ปี 2012,2016,ดาวซัลโวเอเชีย ปี 2016 ,นักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 2013 ,นักเตะยอดเยี่ยมสโมสรเอเชีย ปี 2013 อีกทั้งยังมีรางวัลระดับภูมิภาคอาเซียนอีกนับไม่ถ้วน
This website uses cookies.