Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

ปวิณรับ2บิ๊กไทยลีกจีบฐิติพันธ์ เจ้าตัวอยากไปเจลีกแต่มีปัญหา – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ปวิณ ภิรมย์ภักดี ปธ.สโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยอมรับมี 2 ทีมใหญ่ในไทยสนใจดึงตัว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ไปร่วมทัพจริง เผยยังบอกไม่ได้ว่าทีมไหน พร้อมพูดตรงๆ ต้องการขายขาด ไม่ต้องการปล่อยยืม ส่วนทีมในเจลีกก็ช่วยหาอยู่ เพราะเป้าของ “นิว” อยากกลับไปเล่นที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ติดปัญหาเพราะตอนนี้เจลีกก็ไม่มีเงิน

    สืบเนื่องจากพลพรรค “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก 2020-21 ที่ผ่านมา ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ “นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางทีมชาติไทย แทนที่ของเดิมที่จะหมดสัญญาลงช่วงสิ้นปี 2021 ได้ นั่นทำให้มีบิ๊กทีมในเมืองไทย ให้ความสนใจมิดฟิลด์วัย 27 ปี รายนี้

    ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องทีมที่สนใจตัวของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ว่า “ผมยอมรับครับว่ามีครับ มีตอนนี้ 2 ทีมยังไม่สามารถบอกได้ว่าทีมไหน แต่เราก็รออยู่ว่าตกลงจะเดินจะรุกกันยังไง คือผมพูดตรงๆว่าผมไม่ต้องการปล่อยยืมด้วยซ้ำ ผมให้เลยก็ได้ เพราะว่าการปล่อยยืมพอเขาลงสนามและมาเจอกับเรา มันเจอกันไม่ได้”

    “แต่อยากให้นักฟุตบอล มันบอกอยู่แล้วว่านักฟุตบอล อาชีพก็คือเตะบอล ไม่ใช่ซ้อมบอลครับ และสถานการณ์ทุกวันนี้โควิดผมบอกให้เลยว่า ช่วงนี้ทุกทีม ทีมใหญ่ทีมเล็กมันมีปัญหาหมด ทุกคนก็พยายามที่จะลดบัดเจทอยู่แล้ว”

    “บอสปวิณ” ยังพูดเพิ่มเติมว่าโอกาสที่ “นิว” จะกลับไปเล่นในญี่ปุ่นอีกครั้งมีมากน้อยเพียงใด “เจลีกทุกวันนี้ผมว่า เป้าหมายของนิวเขาก็อยากไปเจลีกอยู่แล้ว เราพยายามที่จะหาให้อยู่แล้วส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากนั้นก็คงเอเยนต์ของเขา แต่เจลีกตอนนี้ก็ไม่มีเงินครับ”

    สำหรับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มาร่วมทีม “เดอะ แรบบิท” เมื่อฤดูกาล 2018 ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะถูกปล่อยตัวให้ โออิตะ ทรินิตะ ยืมตัวไปใช้งาน โดยทำผลงานลงเล่นในศึกเจลีก 20 นัด เป็นตัวจริง 12 นัด และผลงานในศึกฟุตบอลถ้วยลูวาน คัพ ลงเล่น 3 นัด ทำได้ 1 ประตู ก่อนจะย้ายกลับมา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2020-21 และช่วยพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.