ทัพราชันชุดขาวที่บุกมาเน้นความรัดกุมตามแผนเสมอหงส์แดง 0-0 ผ่านเข้ารอบตัดเชือก UCL ด้วยสกอร์รวม 3-1 ไปพบสิงห์บลูส์
เกม | ลิเวอร์พูล – เรอัล มาดริด |
วันที่ | วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 |
เวลา | 2.00 น. (เช้ามืดวันพฤหัสบดี) |
สนาม | แอนฟิลด์ |
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทืมสุดท้ายนัดที่สอง เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นหลังบุกพ่าย 1-3 ในเกมแรก เกมนี้ คู่แนวรับยังเป็น แนธาเนียล ฟิลลิปส์ และ โอซาน คาบัค มิดฟิลด์ ฟาบินโญ ยืนค้ำให้ เจมส์ มิลเนอร์ และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ขณะที่สามแนวรุก ซาดิโอ มาเน กลับมาเป็นตัวจริงคู่กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน
ทางฝั่งเรอัล มาดริด ที่เพิ่งเอาชนะบาร์เซโลนาในเอล กลาซิโก้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมน้ียังยึดผู้เล่นชุดหลักที่เหลืออยู่ สามมิดฟิลด์ โทนี โครส, คาเซมิโร และ ลูก้า โมดริช ทำเกมแดนกลางให้สามแนวรุก มาร์โก อเซนซิโอ, คาริม เบนเซมา และ วินิซิอุส จูเนียร์
เจ้าบ้านได้ลุ้นตั้งแต่นาทีแรกจากบอลยาวมาในกรอบเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน สะกิดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กดด้วยซ้ายติดเซฟ ธิโบต์ กูร์ตัวส์
โอกาสอีกครั้งจากลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ตั้งป้อมปั่นด้วยขวา บอลโค้งเกือบเสียบเสาแต่ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ พุ่งปัดได้หวุดหวิด
มาดริดได้ลุ้นบ้างนาที 19 คาริม เบนเซมา ได้บอลหลุดมาจากครึ่งสนามก่อนจี้เข้าเขตโทษก่อนดึงจังหวะแล้วเปิดด้วยซ้ายบอลแฉลบบล็อคไปชนเสา บอลเคลียร์ไม่ขาดมาเข้าทาง วินิซิอุส ได้ปั่นด้วยขวาคราวนี้ไม่ผ่านมือ อลิสซอน
โอกาสอีกครั้งของเจ้าบ้านนาที 40 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม พักบอลก่อนพลิกหนี โทนี โครส ก่อนชิพให้ ซาดิโอ มาเน หลุดไปในเขตโทษก่อนตบเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยิงแต่บอลเหินข้ามคานออกไป
ครึ่งหลังแม้ลิเวอร์พูลจะพยายามครองเกมบุกอย่างหนักแต่ไม่สามารถเจาะตาข่าย เรอัล มาดริด ผู้มาเยือนที่เล่นเกมรับกันได้อย่างรัดกุม
ลิเวอร์พูลเกือบได้ส้มหล่นนาที 90+1 จากจังหวะที่ ติอาโก้ อัลคันทารา ตัวสำรองตัดบอลหน้าเขตโทษก่อนแทงให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดไปยิงด้วยขวาติดเซฟ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ เด้งกลับมาโดนเจ้าตัวออกหลัง
จบเกม เรอัล มาดริด บุกเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 รวมสองนัดผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยสกอร์ 3-1 โดยจะไปพบกับเชลซี
ลิเวอร์พูล (4-3-1-2) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แนธาเนียล ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน, ซาดิโอ มาเน
ตัวสำรอง : อาเดรียน, ฮาร์วีย์ เดวิส, คอสตาส ชิมิคาส, ติอาโก อัลคันทารา, นาบี้ เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน, ดิโอโก้ โจต้า, เซอร์ดราน ชากิรี, เบน เดวิส, รีส วิลเลียมส์, เจค เคน, เลย์ตัน คลาร์คสัน
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ธิโบต์ กูร์ตัวส์; เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้; โทนี โครส, คาเซมิโร, ลูก้า โมดริช; มาร์โก อเซนซิโอ, คาริม เบนเซมา, วินิซิอุส จูเนียร์
ตัวสำรอง : อังเดร ลูนิน, ดีเอโก้ อัลตูเบ้, มาร์เซโล, อัลบาโร โอดริโอโซลา, อิสโก้, มาเรียโน ดิอาซ, บิคตอร์ ชุสต์, มาร์วิน, เซร์คิโอ อาร์ริบาส, โรดริโก้
ลิเวอร์พูล เกมนี้จะยังไม่มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ โกเมซ และ โจเอล มาติป ที่ยังบาดเจ็บ ขณะที่ ดิว็อค โอริกี และ เคอร์ติส โจนส์ ต้องรอเช็คความฟิต แนวรับใช้ โอซาน คาบัค จับคู่กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ แดนกลางนำทัพโดย จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม ประ
สานงานกับ ติอาโก้ อัลคันทารา และ ฟาบินโญ แนวรุกเป็นสามประสาน ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดิโอโก้ โชต้า
เรอัล มาดริด จะไม่มี เอเด็น อาซาร์, ลูคัส บาสเกวซ และ ดาเนียล การ์บาฆาล ที่มีอาการบาดเจ็บ รวมถึง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาแอล วาราน ที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยแนวรับใช้ เอแดร์ มิลิเตา จับคู่กับ นาโช แดนกลางประกอบด้วย คาเซมิโร ประสานงานกับ โทนี โครส และ ลูก้า โมดริช ขณะที่แนวรุกใช้สามประสาน วินิซิอุส, มาร์โก อเซนซิโอ และ คาริม เบนเซมา
ลิเวอร์พูล
อลิสซอน (GK)
อาร์โนลด์, คาบัค, น.ฟิลลิปส์, โรเบิร์ตสัน
ติอาโก้, ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ
โชต้า, ซาลาห์, มาเน
เรอัล มาดริด
กูร์ตัวส์ (GK)
โอดริโอโซลา, นาโช, มิลิเตา, เมนดี้
โมดริช, คาเซมิโร, โครส
อเซนซิโอ ,เบนเซมา, วินิซิอุส
เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไว้ก่อนเมื่อเปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ในเกมเลกแรก
ติดตามข่าว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
โปรแกรมการแข่งขันคู่อื่นๆ
This website uses cookies.