Football Sponsored
Categories: ฟีฟา

พรีเมียร์ลีกรีเทิร์น! หงส์เตะก่อนลุ้นกดดันเรือ

Football Sponsored
Football Sponsored

วันเสาร์ ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.

พรีเมียร์ลีกรีเทิร์น!

หงส์เตะก่อนลุ้นกดดันเรือ

l ‘ซาลาห์-มาเน่’พร้อมลุย,เทรนท์วืดตีแตน

l ‘เป๊ป’จัดรุกเต็มพิกัดสถิติข่มจมเบิร์นลี่ย์

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาฟาดแข้งอีกครั้งหลังพักเบรกทีมชาติ ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายนนี้ การลุ้นแชมป์กำลังเข้มข้น ประเดิมด้วยคู่หัวค่ำที่เวลาขยับลงมา 1 ชั่วโมง ตามซัมเมอร์ ไทม์ ทำให้ลงเล่นในเวลา 18.30 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด หากเจ้าถิ่นมีคะแนนในเกมนี้จะแซง แมนฯซิตี้ ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว เนื่องจาก ซิตี้ จะเตะในเวลา 3 ทุ่ม

“หงส์แดง” ไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาจอมบุกที่มีอาการบาดเจ็บจนถอนตัวออกจากทีมชาติอังกฤษไปฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ดูไบ โดยตัวเลือกเสียบแทนคือ เจมส์ มิลเนอร์ ที่หายจากอาการป่วยโควิด-19 หรือ โจ โกเมซ จอมโฉ่งฉ่างเสียบแทน นอกนั้นตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร เจอร์เก้น คล็อปป์ ยึดระบบการเล่น 4-3-3 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่และธีอาโก้ อัลคันทาร่า แนวรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่ โดยมี ดีโอโก้ โชต้า กับ หลุยส์ ดิอาซ เป็นตัวเลือกคอยเสียบ

ฟากทีมเยือน วัตฟอร์ด กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นปัจจุบันรั้งอันดับ 18 ของตาราง ตามหลังโซนปลอดภัยอันดับ 17 อย่าง เอฟเวอร์ตัน อยู่ 3 คะแนน เกมนี้ไม่มี อิสไมล่า ซาร์ แนวรุกที่มีอาการบาดเจ็บที่เหลือรอเช็คความฟิตแข้งบางราย ทีมของ รอย ฮอดจ์สัน เล่นในระบบ 4-3-3 นำทัพโดย มุสซ่า ซิสโซโก้, อิมราน ลูซ่า, ยูราย์คุซก้า, ชูโช่ เอร์นานเดซ, โยชัว คิง และเอ็มมานูเอล เดนนิส

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ็คเกอร์,โจ โกเมซ, โฌแอล มาติ๊ป, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่

วัตฟอร์ด (4-3-3): เบน ฟอสเตอร์, กีโก้ เฟเมเนีย,คริสติยง กาบาเซเล่, ซาเมียร์, ฮาสซาน กามาร่า, มุสซ่า ซิสโซโก้, อิมราน ลูซ่า, ยูราย์ คุซก้า, ชูโช่ เอร์นานเดซ, โยชัว คิง และเอ็มมานูเอล เดนนิส

สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 2-0 วัตฟอร์ด

จากนั้นในเวลา 21.00 น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะบุกไปเยือนถ้ำเทิร์ฟ มัวร์ ของ “เดอะ คลาเร็ตส์” เบิร์นลี่ย์ ซึ่งแชมป์เก่าดูเหมือนว่า สถานการณ์กดดันขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถูกผู้ตามอย่าง ลิเวอร์พูล ไล่จี้เข้ามาทุกขณะจากที่พวกเขานำห่างถึง 14 แต้ม เกมนี้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่มี รูเบน ดิอาส ปราการหลังตัวหลักที่บาดเจ็บ นอกนั้นรอทดสอบความฟิตแข้งบางราย โดยเฉพาะ เอแดร์ซอน ที่เดินทางไกลกลับมาจากบราซิล แต่ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา ยึดระบบการเล่น 4-3-3 เหมือนเดิม โรดรี้ ปักหลักคุมจังหวะแดนกลาง ปล่อยให้ เควิน เดอ บรอยน์ และแบร์นาร์โด้ซิลวา เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกสอดประสานกับสามตัวบนอย่าง ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น และแจ็ค กรีลิช

ฝั่งเจ้าบ้าน เบิร์นล่ีย์ ปีนี้อันตรายสุดๆ ต่อการตกชั้น ตอนนี้อยู่อันดับ 19 ของตารางกำลังลุ้นหนีตกชั้น มีโปรแกรมในมือแข่งน้อยกว่าทีมอื่น 3 เกม นัดนี้ไม่มี เนธาน คอลลิ่นส์ แนวรับที่ติดโทษแบน ส่วน โยฮัน เบิร์ก กุดมุนด์สสัน มีอาการบาดเจ็บ ข่าวดีคือแนวรับกัปตันทีมอย่าง เบน มี น่าจะผ่านการทดสอบความฟิตออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ที่เหลือยึดขุมกำลังชุดเดิมมาในระบบ 4-4-2แดนกลางยืนแบบหน้ากระดาน นำโดย แอรอน เลนน่อน, แอชลีย์ เวสต์วู้ด, จอช บรานว์ฮิลล์ และดไวท์ แม็คนีล คู่หัวหอกใช้ แม็กซ์เวลล์ กอร์เน่ต์ เล่นกับวูท เว็คฮอร์สท์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด แมนฯซิตี้ เหนือกว่าเยอะเก็บเรียบเอาชนะได้หมดทั้ง 5 เกม และไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เบิร์นล่ีย์ (4-4-2) : นิค โป๊บ,คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, ชาร์ลี เทย์เลอร์,แอรอน เลนน่อน, แอชลีย์ เวสต์วู้ด, จอช บรานว์ฮิลล์, ดไวท์แม็คนีล, แม็กซ์เวลล์ กอร์เน่ต์ และเว็คฮอร์สท์

แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, อายเมริค ลาปอร์ก, ชูเอา กานเซโล่, เควิน เดอ บรอยน์,โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น และแจ็ค กรีลิช

สกอร์ที่คาด : เบิร์นลี่ย์ 0-2 แมนฯซิตี้

ทางฝั่ง “สิงห์บลูส์” เชลซี ทีมอันดับ 3 ของตารางยังมีลุ้นแชมป์เล็กๆ แม้ว่าแต้มจะห่าง 10 คะแนน แต่พวกเขาแข่งน้อยกว่า แมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล 1 นัด จะเปิดบ้านพบกับ เบรนท์ฟอร์ดโดยเกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน เบน ชิลเวลล์ แบ๊กซ้ายที่บาดเจ็บ ส่วน รีซ เจมส์ ต้องทดสอบความฟิต เช่นเดียวกับ คริสเตียน พูลิซิซ ที่เดินทางไกลจากอเมริกา ช่วงหลัง โธมัส ทูเคิ่ล ปรับเปลี่ยนระบบมาเล่น 4-3-3 ตามขุมกำลังที่มีอยู่ จอร์จินโญ่ และเอ็นโกโล่ ก็องเต้จะคุมแดนกลาง โดยมี เมสัน เม้าท์ เป็นตัวบัญชาการเกมรุกประสานงานกับสามแนวรุกอย่าง ฮาคิม ซีเย็ค, ไค ฮาแวร์ตซ์ และตีโมแวร์เนอร์ นอกจากนี้ แฟนบอลก็ห้ามซื้อตัวเพิ่มเข้ามาชมเกมนี้เหมือนเดิม ส่วนเสื้อที่ถูกถอนสปอนเซอร์ไปนั้น ทีมได้ร้องขอจะใช้สัญลักษณ์มาปิดทับ แต่พรีเมียร์ลีกปฏิเสธ

ทีมเยือน “ผึ้งน้อย” รั้งอันดับ 15 ยังไม่ปลอดภัยกับการหนีตกชั้น ทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ไม่มีอะไรให้กังวล เพราะแกนหลักอยู่กันครบจัดทัพได้แบบเต็มสูบ พวกเขาต้องการแต้มเน้นการเล่นให้เหนียวแน่นขึ้นมาสู้ในระบบ 4-5-1 วิตาลี่ ยาเนลท์ และคริสเตียน นอร์การ์ด ทำหน้าที่ตัดเกมแดนกลาง โดยมี คริสเตียน เอริคเซ่น คอยปั้นเกมรุกประสานงานกับ ไบรอัน เอ็มเบอูโม่, โยอัน วิสซ่า และอีวาน โตนีย์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เชลซีไม่แพ้ให้กับ เบรนท์ฟอร์ด เลย พวกเขาเอาชนะได้ 4 และเสมอ 1 ฤดูกาลนี้เจอกัน 2 ครั้งทั้งเกมลีกและ บอลถ้วย “สิงห์บลูส์”บุกต้อนได้หมด

สกอร์ที่คาด : เชลซี 3-0 เบรนท์ฟอร์ด

อีกเกมที่น่าสนใจคืนวันเดียวกัน เวลา 23.30 น.“ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 6 ของตารางกับลุ้นท็อปโฟร์ ดวลกับ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ โดย 5 เกมหลังในทุกรายการ แมนยูฯ ลงเตะและชนะได้แค่นัดเดียว

นัดนี้ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกอุรุกวัยที่บาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เหลือถือว่าพร้อมลงเล่นทั้งหมด ราล์ฟ รังนิค เจอระบบที่ลงตัว 4-3-3 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะเบียด เฟร็ด ลงคุมแดนกลางร่วมกับ ปอล ป๊อกบา และบรูโน่ เฟอร์นานเดส เกมรุกใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ไปชาร์ตแบตในช่วงพักเบรกทีมชาติประสานงานกับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และเจดอน ซานโช่

ฝั่งผู้มาเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มเอาแน่เอานอนไม่ได้ ปัจจุบันรั้งอันดับ 10 ของตาราง เกมนี้ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ยังเจอปัญหาแข้งหลักอย่าง วีลฟรีด เอ็นดิดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บ รวมไปถึง ไรอัน เบอร์ทรานด์ ด้วย ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ และมาร์ค อัลไบรท์ตันต้องรอทดสอบความฟิต ปรับทัพมาเยือนในระบบ 3-4-3 ถอยเอา เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่-ฮอลล์ ลงมาคุมจังหวะเกมร่วมกับ ยูรีตีเลมานส์ เกมรุกฝากความหวังไว้ที่ เจมส์ แมดดิสัน, แพตสัน ดาก้าและฮาร์วีย์ บาร์นส์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด กลายเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 3 เสมอ 1 ส่วน แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 1 เท่านั้น

สกอร์ที่คาด : แมนฯยูไนเต็ด 2-2 เลสเตอร์ ซิตี้

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.