กองหลังตังใหม่ของหงส์แดงอย่าง โอซาน คาบัค มีส่วนก่อความผิดพลาดจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ทีมโดนจิ้งจอกสยามแซงคว้าชัย
พรีเมียร์ลีก 2020-2021 ประจำโปรแกรมสัปดาห์ที่ 24 เป็นการพบกันระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้า คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม แบบไร้คนดูตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเจ้าบ้าน วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น เจมี วาร์ดี้ ทำเกมรุกร่วมกับ มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เจมส์ แม็ดดิสัน และ ฮาร์วีย์ บาร์นส์
ด้านทีมเยือนของ เยอร์เก้น คล็อปป์ วางหมากมาในแผน 4-3-3 ใช้แนวรุกเป็นสามประสาน SMF ได้แก่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน รวมถึงยังส่งกองหลังตัวใหม่อย่าง โอซาน คาบัค ลงประเดิมสนามด้วย
เริ่มเกมได้ 17 นาที ฝั่งของลิเวอร์พูลต้องมาเสียกองกลางจอมเก๋าอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บจนฝืนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่อง ติอาโก้ อัลคันทารา ลงมาเป็นตัวสำรองคนแรก กระทั่งจบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมก็ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลังลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 67 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน โชว์ทักษะดีดบอลกลับหลังในเขตโทษให้ ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายโค้งเสียบตาข่ายหมดจด ส่งให้หงส์แดงบุกนำ 1-0
ทว่านาทีที่ 78 เลสเตอร์มาได้ประตูตีเสมอ จากลูกฟรีคิกบริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายที่ เจมส์ แม็ดดิสัน ปั่นด้วยขวาลึกเข้าเสาไกลอย่างสวยงาม ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ถัดมานาทีที่ 81 จิ้งจอกสยามมาพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ยูริ ตีเลอมันส์ วางบอลยาวตั้งแต่กลางสนามแล้วทาง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ดันสื่อสารกับ คาบัค ไม่ดีจนกลายเป็นวิ่งมาชนกันเอง ทำให้บอลไปเข้าทาง วาร์ดี้ รับส้มหล่นลากไปยิงโล่ง ๆ อย่างง่ายดาย ช่วยให้เจ้าบ้านแซงนำ 2-1
จากนั้นนาทีที่ 85 เลสเตอร์มาบวกลูกสามเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ วิลเฟรด เอ็นดีดี้ จ่ายทะลุช่องให้ บาร์นส์ หลุดไปเอี้ยวตัวแปด้วยขวาอย่างเฉียบคม ส่งให้อดีตแชมป์เมื่อปี 2016 หนีห่างเป็น 3-1
สุดท้ายไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้จบเกมเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 46 แต้ม ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ส่วนลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 4 ยังมี 40 แต้มเท่าเดิม
เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิล; แดเนียล อมาร์ตีย์, จอนนี อีแวนส์, ชาลาร์ โซยุนจู, ริคาร์โด้ เปเรรา; วิลเฟรด เอ็นดีดี้, ยูริ ตีเลอมันส์ (ฮัมซา เชาฮ์ดรี้ น.87); มาร์ค อัลไบรท์ตัน (อโยเซ เปเรซ น.74 (น็อมปาลิส เมนดี้ น.90)), เจมส์ แม็ดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์นส์; เจมี วาร์ดี้
สำรองไม่ได้ใช้ : แดนนี วอร์ด, เคเลชี อิเฮนาโช, เจนกิซ อุนแดร์, คริสเตียน ฟุคส์, ลุค โธมัส, วอนแต ดาลีย์-แคมป์เบลล์
ใบเหลือง – จอนนี อีแวนส์ น.43, โอซาน คาบัค น.71
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; เจมส์ มิลเนอร์ (ติอาโก้ อัลคันทารา น.17), จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม (เซอร์ดาน ชากิรี น.87), เคอร์ติส โจนส์ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.75); โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน, ซาดิโอ มาเน
สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, คอสตาส ซิมิคาส, รีส วิลเลียมส์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เลห์ตัน คลาร์กสัน, เนโก้ วิลเลียมส์
ใบเหลือง – เคอร์ติส โจนส์ น.24
| TV station | True Premier Football HD1 True Premier Football HD PPTV |
| เกม | เลสเตอร์ – ลิเวอร์พูล |
| วันที่ | วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 |
| เวลา | 19.30 น. |
| สนาม | คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม |
เลสเตอร์ จะยังไม่มี เดนนิส ปราท, เวสลีย์ โฟฟานา, เวส มอร์แกน, ทิโมธี คาสตานเย และ เจมส์ จัสติน ที่มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ อโยเซ เปเรซ ต้องรอเช็คความฟิต แนวรับใช้ จอนนี อีแวนส์, คริสเตียน ฟุชส์ และ คักลาร์ โซยุนคู เป็นสามเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แดนกลางนำทัพโดย วิลฟรีด เอ็นดีดี้ ประสานงานกับ ยูริ ติเลอมองส์ ขณะที่แนวรุกใช้ เจมส์ แมดดิสัน และ ฮาวีย์ บาร์นส์ คอยปั้นเกมให้ เจมี วาร์ดี้ คอยล่าตาข่าย
ลิเวอร์พูล เกมนี้จะยังไม่มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ดิโอโก้ โชต้า, โจ โกเมซ และ โจเอล มาติป ที่ยังบาดเจ็บ ขณะที่ นาบี เกอิต้า ต้องรอเช็คความฟิต แนวรับต้องใช้ ฟาบินโญ จับคู่กับ โอซาน คาบัค แดนกลางนำทัพโดย จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม ประสานงานกับ ติอาโก้ อัลคันทารา และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แนวรุกเป็นสามประสาน ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน
เลสเตอร์
ชไมเคิล(GK)
ฟุชส์, อีแวนส์, โซยุนคู
อัลไบรจ์ตัน, ติเลอมองส์, เอ็นดีดี้, เปร์ไรรา
แมดดิสัน, บาร์นส์
วาร์ดี้
ลิเวอร์พูล
อลิสซอน (GK)
อาร์โนลด์, ฟาบินโญ, คาบัค, โรเบิร์ตสัน
ติอาโก้, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน
ซาลาห์, ฟีร์มิโน, ซาเน
เลสเตอร์ บุกเสมอ วูล์ฟแฮมตัน 0-0 ในเกมลีกนัดที่ผ่านมา ขณะที่ ลิเวอร์พูล พ่ายคารังต่อ แมนฯซิตี้ 1-4
ต ิ ดตามข่าว พรีเมียร์ลีก
โ ปรแกรมการแข่งขันคู่อื่นๆ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้…
ผลฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้…
This website uses cookies.