ปืนเต็มแม็ก! ลุ้นเฮ 5 นัดติด เรือปรับทัพเผาเจ้าป่า-หงส์ยิ้มนิวฯเจ็บอื้อ

ปืนเต็มแม็ก! ลุ้นเฮ 5 นัดติด

เรือปรับทัพเผาเจ้าป่า-หงส์ยิ้มนิวฯเจ็บอื้อ

‘ปาร์คเกอร์’รายแรกโดนปลดพ้นพรีเมียร์

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนวันพุธที่ 31 สิงหาคม 2022 มีการดวลแข้ง 5 คู่ โดยก่อนจะเริ่มเกมปรากฏว่ามีการปลดกุนซือรายแรกแล้ว นั่นคือ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ของทีมน้องใหม่ “บอร์นมัธ” ที่ชนะ 1 แพ้ 3 และทำประตูได้เสียติดลบ -14 ยิง 2 ประตู เสีย 16 ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของอังกฤษ หลังจาก 4 เกมแรกของการเปิดฤดูกาล

น้องใหม่จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เริ่มออกสตาร์ทด้วยการทุบ แอสตัน วิลล่า 2-0 ก่อนจะเจอของแข็งบิ๊กซิกซ์ทั้ง แมนฯซิตี้, อาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ทำให้แพ้ทั้งหมด แต่คาดว่า สาเหตุหลักมาจากพูดวิจารณ์บอร์ดบริหารที่ใช้เงินเพียง 23 ล้านปอนด์เสริมทีม ได้นักบอล 2 คน และเซ็นฟรีอีก 3 ราย

ปาร์คเกอร์ ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-9 โดยมีนัยสำคัญอยู่ในข้อความมากมายว่า ไม่แปลกใจเลยที่นี่
คือที่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผู้เล่นต้องการความช่วยเหลือ วันนี้ที่เราแพ้ ได้พิสูจน์แล้วว่า ความท้าทายใหญ่เกินไป ระดับพรีเมียร์ลีกนั้นใหญ่เกินไปสำหรับเรา

“ผมรู้สึกเสียใจกับผู้เล่น มันคืองานของผม และมันจะเป็นตัวกำหนดของเราในฐานะกลุ่มของวิธีที่เรากลับมาจากสิ่งนี้ให้ได้
เรามีบางวันที่หวังว่า เราจะได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากผู้มีอำนาจตัดสินใจ เพื่อช่วยทีมที่ขึ้นมาจากการแข่งขันเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และเพื่อให้เราก้าวหน้าต่อไปในฐานะทีม กับสโมสรโดยรวม มันไม่มีเงื่อนไขว่าเรามีความสอดคล้องในกลยุทธ์ของเราในการบริหารสโมสรอย่างยั่งยืนเราต้องแสดงความเชื่อและความเคารพซึ่งกันและกันด้วย แต่ที่เป็นอยู่คือตรงกันข้ามสำหรับ ปาร์คเกอร์ ปัจจุบันอายุ 41 ปี เป็นอดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษที่ติดธงไป 18 เกม ออกสตาร์ทการเล่นฟุตบอลกับ “ดาบอัศวิน” ชาร์ลตัน แอธเลติกก่อนจะเล่นให้ทีม และย้ายมาอยู่กับ เชลซี,นิวคาสเซิ่ล, เวสต์แฮม, สเปอร์ส และปิดท้ายที่ ฟูแล่ม แขวนสตั๊คเมื่อปี 2017 ลงสนามไปทั้งสิ้น572 เกม ก่อนจะเริ่มจับงานคุมทัพที่ ฟูแล่ม ปี 2019 ก่อนจะพาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ แต่ตกชั้นในซีซั่นต่อมา ทำให้ลาออกไปเมื่อ 28 มิถุนายน 2021 จากนั้นมารับงานที่ บอร์นมัธ เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2021 และพาทีมขึ้นชั้นได้สำเร็จในปีเดียวเท่านั้นแต่มาถูกปลดออกไปหลังจากผ่านไป 4 เกมเท่านั้น

ทั้งนี้ บอร์นมัธ จะเล่นในไวตาลิตี้ สเตเดี้ยมของตัวเองในวันพุธนี้ พบกับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์สโดยจะให้ แกรี่ โอนีล คุมทัพเป็นการชั่วคราวไปก่อน

ขณะที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จ่าฝูงของตารางที่ฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินชนะมา 4 เกมรวดมี 12 คะแนนเต็มเป็นทีมเดียวในลีก จะเล่นในบ้านเวลา 01.30 น. เจอกับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า โดยเกมนัดล่าสุด อาร์เซนอล เปิดบ้านพลิกแซงเอาชนะ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม 2-1 เกมนี้ต้องรอทดสอบความฟิตของ โธมัส ปาร์เตย์ และโอเล็คซานดอร์ ชินเชนโก้ หากลงไม่ได้ คีแรน เทียร์นีย์ และโมฮาเหม็ด เอลเนนี่ จะได้รับโอกาสต่อไป นอกนั้นไม่มีปัญหาให้ มิเกล อาร์เตต้า ต้องกังวล กรานิต ชาก้า เป็นหัวใจคุมแดนกลาง แผงเกมรุกอาจจะพัก กาเบรี่ยล มาร์ติเนลลี่ เปิดโอกาสให้กับ เอมิล สมิธ โรว์ ลงประสานงานกับ บูกาโย่ ซาก้า และมาร์ติน โอเดการ์ด โดยมี กาเบรี่ยล เฮซุส ยืนหน้าเป้า

ทางฝั่ง “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่สถานการณ์ย่ำแย่แพ้ 3 จาก 4 เกมหลังสุดในลีก ทำให้เริ่มมีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลให้ปลดออกจากตำแหน่ง รวมไปถึงถูกปรับราคาให้เป็นเต็งหนึ่ง
ของกุนซือที่จะถูกไล่ออกคนแรกร่วมกับ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส จากเลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน ดีเอโก้ คาร์ลอส ที่บาดเจ็บพักยาว ในรายของ ไทโรน มิงค์ส น่าจะผ่านความฟิตลงตัวจริง ที่เหลือลงเล่นได้หมดปรับทัพมาเล่น 4-3-3 นำโดย จอห์น แม็คกินน์, บูบาการ์ กามาร่า, เจค็อบ แรมซีย์, เลออน ไบลีย์, โอลลี่ วัตกิ้นส์ และเอมิเลียโน่ บูเอนเดีย

ทางด้านแชมป์เก่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นในเวลา 01.30 น.เช่นกัน พบกับน้องใหม่ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ โดย แมนฯซิตี้ ชนะ 3 เสมอ 1 มีอยู่10 คะแนน เกมที่แล้วเล่นในรังโดน คริสตัล พาเลซ บุกมานำ 2-0 ก่อนจะยิงคืน 4 ประตูรวดแซงชนะ 4-2 เกมนี้ไม่มี เนธาน อาเก้, อายเมริค ลาปอร์ก และคาลวิน ฟิลลิปป์ส ที่บาดเจ็บส่วนแจ็ค กรีลิช ยังต้องทดสอบความฟิต คาดว่า เป๊บ กวาร์ดิโอล่า น่าจะปรับทัพบางตำแหน่งส่ง อิลคาย กุนโดกัน ลงตัวจริงเช่นเดียวกับ เซร์คิโอ้ โกเมซ ตัวใหม่ที่จะไปประจำการแบ๊กซ้าย นอกนั้นนำทัพโดย เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์ และฟิล โฟเด้น

ทีมเยือน ทีมน้องใหม่ที่ลงเล่นมา 4 เกม ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 นัดล่าสุดพ่ายคารังให้กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่มฮอตสเปอร์ 0-2 เกมนี้ไม่มีสองผู้เล่นใหม่อย่าง มุสซ่า เนียคาเต้และโอมาร์ ริชาร์ดส ที่บาดเจ็บ ส่วน เรนาน โลดี้ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้ซ้อมแค่ 2 วัน อาจจะต้องนั่งสำรองไปก่อน เชื่อว่ากุนซือ สตีฟ คูเปอร์ น่าจะส่งตัวใหม่อย่าง เรโม่ ฟรอยเลอร์ ลงไปคุมแดนกลาง ส่วนเกมรุกฝากความหวังไว้ที่ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, เจสซี่ ลินการ์ด และแบรนแนน จอห์นสัน

อีกคู่ที่น่าสนใจเวลา 01.45 น.“ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เพิ่งปลดล็อกคว้าชัยชนะเกมแรกของฤดูกาลด้วยการบุกไปเฉือนเอาชนะ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า 1-0 เฝ้าบ้านทำศึกดาร์บี้แมทช์เจอของใหญ่อย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม
ฮ็อตสเปอร์ โดยเจ้าบ้านยังไม่มี นาเยฟ อเกิร์ด แนวรับที่บาดเจ็บส่วน เคร็ก ดอว์สัน, แอรอน แครสส์เวลล์ และเบน จอห์นสัน ไม่ฟิตทำให้ต้องส่ง อังเจโล่ อ็อกบอนน่า ลงไปคุมแนวรับ นอกนั้นอยู่กันครบ คาดว่า เดวิด มอยส์ ยึดแผน 3-5-2 นำโดย วลาดิเมียร์ คูฟาล, ปาโบล ฟอร์นาลส์, เดแคลน ไรซ์, โทมัส ซูเซ็ค, เอแมร์ซอนพัลมิเอรี่, จาร์ร็อด โบเว่น และมิคาอิล อันโตนิโอ ที่น่าจะเบียด จานลูก้า สกามัคก้า กลับมาเป็นตัวจริง

ทางฝั่ง “ไก่เดือยทอง” ฟอร์มดีลงเล่นมา 4 เกมยังไม่แพ้ใครชนะ 3 เสมอ 1 ทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ ค่อนข้างสมบูรณ์ รอเช็คความฟิต คริสเตียน โรเมโร่ และลูคัส มูร่า ที่เหลือไม่น่ามีปัญหาอะไร จุดที่น่าสนใจคือฟอร์มของ ซน ฮึง มิน ที่เล่นมา
4 เกมยังยิงประตูไม่ได้เลย ทำให้อาจจะต้องนั่งสำรองเปิดโอกาสให้ ริชาร์ลิซอน ลงตัวจริงประสานงานเกมรุกกับ เดยัน คูลูเซฟสกี้ และแฮร์รี่ เคน ส่วนแดนกลางพัก โรดริโก้ เบนตานคูร์ ส่ง อิฟส์ บิสซูม่า ลงไปคุมจังหวะเกมร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค

ปิดท้ายในเวลา 02.00 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะบดกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล โดย “หงส์แดง” เพิ่งคว้าชัยชนะ
เกมแรกของฤดูกาลด้วยการระบายความอัดอั้นถล่มเอาชนะน้องใหม่ เอเอฟซี บอร์นมัธ 9-0 ทำให้ตอนนี้มี 5 แต้ม แต่ยังไม่มี
อิบราฮิม่า โกนาเต้, นาบี เกอิต้า, ดีโอโก้ โชต้า, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า และอเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แถม ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ที่ยิงประตูได้จากนัดก่อน ต้องทดสอบความฟิต ส่วนดาร์วินนูนเญซ ยังต้องชดชัยโทษแบน ข่าวดีคือ โฌแอล มาติ๊ป และเคอร์ติส โจนส์ หายเจ็บกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม แต่ไม่น่าทันสำหรับเกมนี้ คาดว่าเยอร์เก้น คล็อปป์ ยึดระบบการเล่น 4-3-3 ฟาบินโญ่ คุมแดนกลางร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานเกมรุกร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และหลุยส์ ดิอาซ

ทีมเยือน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังคงไม่แพ้ใครเล่นมา 4 เกม ชนะ 1 เสมอ 3 มีอยู่ 6 คะแนน เกมนี้ส่อแววขาดกำลังหลักสำคัญอย่าง บรูโน่ กิลมาไรส์ และคัลลั่ม วิลสัน ที่บาดเจ็บ เช่นเดียวกับ จอนโจ้ เชลวีย์ ส่วน อแล็ง แซงต์-มักซิแมงและคีแรน ทริปเปียร์ ที่มีอาการบาดเจ็บจากเกมเสมอวูล์ฟส 1-1 ต้องรอทดสอบความฟิต ส่วนหัวหอกตัวใหม่เจ้าของค่าตัวสถิติแพงสุดของสโมสรอย่าง อเล็กซานเดอร์ อีซัค ยังไม่รู้ว่าจะพร้อมลงเล่นหรือไม่ คาดว่า เอ๊ดดี้ ฮาว ไม่น่าจะปรับแท็กติกยึด แผน 4-3-3 นำทัพโดย โจ วีลล็อค, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โชลินตอน,มิเกล อัลเมร่อน, คริส วู้ด และไรอัน เฟรเซอร์