เบลเยียมยังยืนหนึ่ง! ฝรั่งเศสขยับรั้งเบอร์ 2 ฟีฟาแรงกิ้ง
ปีศาจแดงแห่งยุโรปยังครองบัลลังก์ทีมเบอร์หนึ่งของโลกเหนียวแน่น ส่วนอันดับสองมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อฝรั่งเศสแซงบราซิลขึ้นมา
สหพันธ์ลูกหนังนานาชาติประกาศการจัดอันดับโลกทีมชาติประจำเดือนกันยายนออกมาแล้ว ปรากฎว่า ทีมชาติเบลเยียมยังคงรั้งอันดับ 1 ของโลกต่อไปอีกเดือน
ส่วนอันดับสองมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อฝรั่งเศสที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมคัดยูโร 2020 ขยับขึ้นมาแทนที่ บราซิล ที่หล่นลงไปรั้งอันดับ 3
ขณะที่อันดับ 4 ยังคงเป็นของทีมชาติอังกฤษ ตามมาด้วย โปรตุเกส ที่ปาดหน้าอุรุกวัยขึ้นมารั้งอันดับ 5 เช่นเดียวกับ สเปน ที่ขึ้นมารั้งอันดับ 7 ในเดือนนี้
Editor Picks
- ดาวซัลโวไทยลีก 2020 : ทาร์เดลี 25 ตุง, โรลเลอร์ผงาดแข้งไทย
- ทำเนียบแชมป์ไทยลีก – ทีมแชมป์ลีกสูงสุดไทย 1996-2020
- IN NUMBERS : คริสเตียโน โรนัลโด้ ยิงได้กี่ประตูในชีวิตค้าแข้ง?
- โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
ส่วนเนเธอร์แลนด์ที่โชว์ฟอร์มสุดแกร่งในเกมคัดยูโร 2020 ขยับขึ้นมาสามอันดับมาอยู่ที่ 13 เช่นเดียวกับ อิตาลี ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 15 ส่วนเยอรมันร่วงลงไปรั้งอันดับ 16
10 อันดับแรกของฟีฟ่าแรงกิ้งประจำเดือนกันยายน
1. เบลเยียม
2. ฝรั่งเศส
3. บราซิล
4. อังกฤษ
5. โปรตุเกส
6. อุรุกวัย
7. สเปน
8. โครเอเชีย
9. โคลอมเบีย
10. อาร์เจนตินา
13. เนเธอร์แลนด์ส
15. อิตาลี
16. เยอรมัน
ดูอันดับทั้งหมดที่นี่
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.