ดาร์วิน นูนเญซ โหม่งประตูปิดกล่องช่วงทดเวลา พาลิเวอร์พูลคว้าโล่การกุศล “คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2022”
ศึกชิงโล่การกุศล “คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2022” ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล แชมป์เอฟเอคัพ ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดง เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ หลุยส์ ดิอาซ
ด้านเรือใบสีฟ้าของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา วางหมากมาในแผน 4-3-3 เช่นกัน ใช้สามแนวรุกเป็น ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิง ฮาลันด์ และ แจ็ค กรีลิช
ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 21 เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลบอลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นด้วยขวาไปโดน นาธาน อาเก้ โหม่งสกัดเปลี่ยนทางเข้าไป ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังกลายเป็นฝั่งของซิตี้มาได้ประตูตีเสมอ ในนาทีที่ 70 จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น กระโดดแปด้วยซ้ายระยะเผาขนไปติดเซฟ อาเดรียน แล้วทั้งคู่ไปปั๊มแย่งบอลกันจนทะลักไปเข้าทาง ฮูเลียน อัลวาเรซ โฉบมาจิ้มด้วยขวาจ่อ ๆ ตุงตาข่าย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
แต่แล้วช่วงท้ายเกมนาทีที่ 83 ลิเวอร์พูลก็มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ดาร์วิน นูนเญซ โหม่งบอลไปโดนแขนของ รูเยน ดิอาส กลายเป็นการทำแฮนด์บอลไป ก่อนจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ช่วยให้หงส์แดงขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
จากนั้นช่วงทดเวลานาทีที่ 90+4 แชมป์เอฟเอคัพมาบวกลูกสามปิดกล่อง จากจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โหม่งชงให้ ดาร์วิน นูนเญซ พุ่งโหม่งอย่างเด็ดขาด ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลชนะไป 3-1 คว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ได้สำเร็จ
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.74), โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น.73), ฟาบินโญ, ติอาโก้ อัลคันทารา (นาบี เกอิต้า น.85); โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เคอร์ติส โจนส์ น.90+5), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน (ดาร์วิน นูนเญซ น.59), หลุยส์ ดิอาซ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ น.90)
สำรองไม่ได้ใช้ : โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ฮาร์วีย์ เดวีส์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน; ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก้, เชา คันเซโล; เควิน เดอ บรอยน์ (อิลคาย กุนโดกัน น.73), โรดรี้ เอร์นานเดซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา; ริยาด มาห์เรซ (ฮูเลียน อัลวาเรซ น.58), เออร์ลิง ฮาลันด์, แจ็ค กรีลิช (ฟิล โฟเด้น น.58)
สำรองไม่ได้ใช้ : คัลวิน ฟิลลิปส์, จอห์น สโตนส์, สเตฟาน ออร์เตก้า, ลุค เอ็มเบเต้, โคล พาลเมอร์, จอช วิลสัน-เอสแบรนด์
ใบเหลือง – รูเบน ดิอาส น.83
ลิเวอร์พูล เกมนี้จะไม่มี อลิสซอน เบ็คเกอร์, ดิโอโก้ โชตา และ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ต้องรอเช็คความฟิต แนวรับคาดว่าจะใช้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จับคู่กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ แดนกลางนำทัพโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ประสานงานกับ ฟาบินโญ และ ติอาโก้ อัลคันทารา แนวรุกเป็นสามประสาน หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในสภาพทีมค่อนข้างพร้อมขาดเพียง อายเมอริค ลาปอร์กต์ รายเดียวที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นพร้อมลงสนาม แนวรับคาดว่าจะใช้ รูเบน ดิอาส จับคู่กับ เนธาน อาเก้ แดนกลางนำทัพโดย เควิน เดอ บรอยน์ ประสานงานกับ โรดรี้ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ขณะที่แนวรุกเป็นสามประสาน ริยาด มาห์เรซ, แจ็ค กรีลิช และ เออร์ลิง ฮาลันด์
ลิเวอร์พูล
อาเดรียน (GK)
อาร์โนลด์, โกนาเต้, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน
ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้
ซาลาห์, นูนเญซ, ดิอาซ
แมนฯ ซิตี้
เอแดร์ซอน (GK)
วอล์คเกอร์, ดิอาส, อาเก้, คันเซโล
เดอ บรอยน์, โรดรี้, กุนโดกัน
มาห์เรซ, ฮาลันด์, กรีลิช
ลิเวอร์พูล แพ้ ซัลซ์บวร์ก 0-1 ในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุด ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องเช่นกัน
ติดตามข่าว พรีเมียร์ลีก
This website uses cookies.