Football Sponsored
Categories: ฟีฟา

ใครรุ่ง ใครร่วง! 15 อันดับนักเตะค่าตัวแพงสุดของ ลิเวอร์พูล | Goal.com

Football Sponsored
Football Sponsored

15 นักเตะที่ค่าตัวแพงสุดของ ลิเวอร์พูล คุณคิดว่าใครผลงานคุ้มเม็ดเงิน และใครผลงานน่าผิดหวังบ้าง?

  • Getty

    15.ติอาโก้ อัลคันทารา | 27 ล้านปอนด์ | บาเยิร์น มิวนิค | 2020

    ติอาโก้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2020

    ค่าตัวเบื้องต้นของอดีตเด็กปั้น บาร์เซโลนา อยู่ที่ 20 ล้านปอนด์ แต่เมื่อรวมค่าแอดออนแล้วจะอยู่ที่ 27 ล้านปอนด์ โดยเขาเป็นนักเตะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการได้ตัวมานาน

  • 14.โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน | 29 ล้านปอนด์ | ฮอฟเฟนไฮม์ | 2015

    ฟีร์มิโน คือการเซ็นสัญญาที่เฉียบแหลมของ ลิเวอร์พูล โดยดาวเตะชาวบราซิลไม่เป็นที่รู้จักนักกับ ฮอฟเฟนไฮม์ แต่กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของ เยอร์เก้น คล์อปป์ ทันทีนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพเมื่อปี 2015

    หัวหอกแซมบ้าเป็นหนึ่งในขวัญใจของแฟนบอลหงส์แดง เป็นสามประสานระดับตำนานของสโมสรร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน

  • 13.คริสติยอง เบนเตเก้ | 32.5 ล้านปอนด์ | แอสตัน วิลลา | 2015

    เบนเตเก้ เป็นหนึ่งในนักเตะตัวแสบของ ลิเวอร์พูล ตอนที่อยู่กับ แอสตัน วิลลา จนทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจคว้าตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2015

    อย่างไรก็ตาม บีร็อด กลับโดนปลดจากตำแหน่งหลัง เบนเตเก้ ย้ายมาอยู่กับหงส์แดงได้เพียง 2 เดือน และกุนซือคนใหม่อย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่ใช้แฟนตัวยงของเขาสักเท่าไหร่

  • Getty

    12.ซาดิโอ มาเน | 34 ล้านปอนด์ | เซาแธมป์ตัน | 2016

    มาเน เป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่ยกระดับ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งผลงานชั้นยอดของ เยอร์เก้น คล็อปป์

    ดาวเตะเซเนกัล ย้ายจากหงส์แดงไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์นี้ พร้อมฝากผลงาน 120 ประตู จากการลงสนาม 269 นัด เอาไว้ให้ให้บรรดา เดอะ ค็อป คิดถึง

  • 11.อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน | 35 ล้านปอนด์ | อาร์เซนอล | 2017

    กองกลางทีมชาติอังกฤษย้ายจาก อาร์เซนอล มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2017 ด้วยความคาดหวังว่าจะเข้ามาเติมเต็มทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    อย่างไรก็ตามเขากลับเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้งจนผลงานไม่ต่อเนื่อง โดยฤดูกาลหน้าอาจเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าเขาจะมีอนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไปหรือไม่

  • 10.แอนดี้ แคร์โรลล์ | 35 ล้านปอนด์ | นิวคาสเซิล | 2011

    แคร์โรลล์ ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2011 หลังจากที่ เฟร์นันโด ตอร์เรส ย้ายไปอยู่กับ เชลซี

    กองหน้าร่างโย่งมีปัญหาในการปรับตัวกับชีวิตในถิ่น แอนฟิลด์ ซึ่งภายหลังเขายอมรับว่าไม่ได้อยากย้ายออกจาก นิวคาสเซิล เลย

  • Getty

    9.อิบราฮิมา โกนาเต้ | 36 ล้านปอนด์ | ไลป์ซิก | 2021

    โกนาเต้ เป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่แฟนหงส์แดงถูกใจ โดยฤดูกาลแรกของเขาในถิ่น แอนฟิลด์ สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ ได้สำเร็จ รวมถึงทำได้ดีในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด

    นอกจากนี้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เขายังได้ประเดิมสนามกับทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ด้วย

  • 8.ฟาบินโญ | 40 ล้านปอนด์ | โมนาโก | 2018

    ฟาบินโญ ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2018 และกลายเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีสุดในยุโรป

    ห้องเครื่องชาวแซมบ้าที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เรียกว่า ‘ไดสัน’ เป็นหนึ่งในแกนหลักช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ

  • Getty

    7.โมฮาเหม็ด ซาลาห์ | 43 ล้านปอนด์ | โรมา | 2017

    ซาลาห์ ย้ายจาก โรมา มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามว่า นักเตะที่เคยล้มเหลวกับ เชลซี จะเป็นการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวอิยิปต์สยบทุกคำถามด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมกับหงส์แดง จนเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีสุดโลกเวลานี้ รวมถึงหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาลของสโมสรด้วย

  • Getty

    6.ดิโอโก้ โชตา | 45 ล้านปอนด์ | วูล์ฟแฮมตัน |2020

    โชตา ย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล แบบเซอร์ไพรส์ ในขณะที่ทีมมีสามประสาน ซาลาห์-มาเน-ฟีร์มิโน เป็นตัวหลักอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตามดาวเตะชาวโปรตุเกสกลายเป็นกำลังเสริมที่ไว้ใจได้ของหงส์แดง โดยทำไป 13 ประตูในฤดูกาลแรก และ 21 ประตูในฤดูกาลที่สอง กลายเป็นอีกหนึ่งตัวทีเด็ดของ เยอร์เก้น คล็อปป์

  • 5.หลุยส์ ดิอาซ | 50 ล้านปอนด์ | ปอร์โต้ | 2022

    ดิอาซ ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป แต่กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวมาร่วมทีมในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2022

    มิดฟิลด์จอมเทคนิคปรับตัวเข้ากับระบบของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้อย่างรวดเร็ว และการอำลาทีมของ ซาดิโอ มาเน ทำให้เขาจะกลายเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน

  • Getty.

    4.นาบี เกอิต้า | 52 ล้านปอนด์ | ไลป์ซิก | 2018

    เกอิต้า เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์เนื้อหอมของยุโรปสมัยที่อยู่กับ ไลป์ซิก ก่อนที่จะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2017

    ดาวเตะทีมชาติกินี เจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้งทำให้ผลงานอาจยังไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร แต่เขาคือนักเตะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไว้วางใจและพร้อมให้โอกาสเสมอ

  • 3.อลิสซอน เบ็คเกอร์ | 65 ล้านปอนด์ | โรมา | 2018

    อลิสซอน ย้ายเข้ามาหลังจาก ลิเวอร์พูล เจอฝันร้ายจาก ลอริส คาริอุส ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2018 และกลายเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีสุดของ เยอร์เก้น คล็อปป์

    นายด่านชาวบราซิล เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ครบเครื่องที่สุดในยุคนี้ ทั้งการยืนตำแหน่ง, การเซฟ และการเล่นบอลด้วยเท้า รวมถึงความยอดเยี่ยมการจังหวะดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่ง

  • 2.เวอร์จิล ฟาน ไดค์ | 75 ล้านปอนด์ | เซาแธมป์ตัน | 2018

    หลังจากติดตามผลงานมานาน ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ได้ตัว ฟาน ไดค์ มาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมปี 2018 ด้วยค่าตัวถึง 75 ล้านปอนด์

    กองหลังชาวดัตช์เข้ามายกระดับแนวรับของหงส์แดงให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน และได้รับการยกย่องให้เป็นกองหลังที่ดีสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

  • Getty

    1.ดาร์วิน นูนเญซ | 85 ล้านปอนด์ | เบนฟิก้า | 2022

    ลิเวอร์พูล จ่ายเงิน 64 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัว นูนเญซ มาจาก เบนฟิก้า แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 85 ล้านปอนด์ หากผลงานเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในสัญญา

    หัวหอกชาวอุรุกวัยย้ายมาพร้อมความคาดหวังที่สูงจากสถิติการทำประตูอันน่าทึ่งในลีกโปรตุเกส และถูกวางให้เป็นกำลังหลักของหงส์แดงในอนาคต

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.