วันอาทิตย์ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่อาจจะเป็นการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเจอกับคู่ปรับร่วมเมือง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลา เกมนี้หากเจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้ม พวกเขาจะทิ้งห่างผู้ตามถึง 17 คะแนน ก็น่าจะช้อยเก็บฉากไปในทันที
ความพร้อมเกมนี้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่าไม่มีอะไรให้กังวลใจทุกอย่างเป็นใจให้กับพวกเขาหมด เพราะไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทำให้เกมนี้เน้นเป็นพิเศษได้เลย เตรียมจัดทีมชุดใหญ่เต็มสูบมาในระบบ4-3-3 โรดรี้ ยืนเป็นตัวตัดเกมหน้าแนวแบ๊กโฟร์ ปล่อยให้ เควิน เดอ บรอยน์ และอิลคาย กุนโดกัน เดินเกมได้อย่างอิสระ ส่วนแนวรุกเลือก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประสานงานกับราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ฟิล โฟเด้น
ทีมเยือน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สะดุดมา 3 เกมรวดเสมอด้วยสกอร์ 0-0 ทั้ง 3 นัด พร้อมกับมีสถิติเจอทีมบิ๊กซิกซ์ยังไม่ชนะใครเลยในซีซั่นนี้ ความพร้อมไม่มีดาบิด เด เกอา ที่ถูกส่งตัวกลับสเปนหลังมีปัญหากับกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในรายของ ปอล ป๊อกบา และฆวน มาต้า มีอาการบาดเจ็บส่วน อองโตนี่ มาร์กซิยาล ต้องเช็คความฟิตคาดว่ายังยึดระบบ 4-2-3-1 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และเฟร็ด รับหน้าที่ทำลายเกมรุกคู่แข่ง แนวรุกฝั่งขวา แดเนี่ยล เจมส์น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นร่วมกับ บรูโน่เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมี เอดินสัน คาวานี่ ยืนเป็นหน้าเป้า
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ชูเอากานเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส,โอเล็คซานเดอร์ ชินเชนโก้, โรดรี้, เควินเดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และฟิล โฟเด้น
แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน, แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, แดเนี่ยล เจมส์, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เอดินสันคาวานี่
สถิติการพบกันทั้งสองทีมนับรวมในทุกรายการ แมนฯยูไนเต็ด มีภาษีดีกว่าเอาชนะได้ 76 เสมอ 53 และแมนฯซิตี้ชนะ 55 ครั้งแต่ถ้านับจาก 5 ครั้งหลังสุดสูสีกันมากผลัดกันชนะฝั่งล่ะ 2 และ เสมอ 1 ครั้ง
ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าจะเล่นในถิ่นเวลา 21.00 น. ปะทะกับ“เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม โดยที่ พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36ถ่ายทอดสดให้ชมฟรีกันถึงบ้าน
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังเผชิญกับวิกฤติแบบสุด ๆ หลังจากพ่ายให้กับ เชลซี คาบ้านมา 0-1 สร้างประวัติศาสตร์แพ้ในแอนฟิลด์ 5 เกมติดต่อกันครั้งแรกของสโมสร เกมนี้ยังคงเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย โดยเฉพาะแนวรับที่ไม่ต้องไล่ชื่อกันให้ยากเพราะเป็นหน้าเดิมๆ ที่น่าสนใจคือ โอซาน คาบัค ดันมาเดี้ยงเพิ่มอีก ทำให้โอกาสจะตกเป็นของ นาธาเนี่ยล ฟิลิปปส์ ที่จะได้ลงเล่นแทน ในรายของ เบน เดวีส กองหลังตัวใหม่ยังต้องรอโอกาสไปก่อน ดูแล้วเยอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่น่าจะปรับทีมอะไรมาก ยึดแผงกลางเหมือนเดิม นำโดย ธีอาโก้ อัลคันทาร่า,จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และเคอร์ติช โจนส์ แนวรุกโมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้จะมีปัญหากับ เจอร์เก้นคล็อปป์ แต่เชื่อว่าน่าจะมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมนี้ประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
ทีมเยือน “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม เกมล่าสุดเล่นในบ้านพ่ายให้กับ สเปอร์ส 0-1 เกมนี้ยังไม่มี ทอม เครนีย์ มิดฟิลด์ซ้ายธรรมชาติที่มีอาการบาดเจ็บ ที่เหลือไม่มีอะไรให้ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ต้องกังวลเตรียมจัดทีมที่ดีที่จะลงเล่น นำโดย แฮร์ริสัน รี๊ด, ซามโบ้ อองกิสซ่า,บ๊อบบี้ เด คอร์โดว่า-รี๊ด, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, อเดโมล่า ลุคแมน และจอช มาย่า
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,แนต ฟิลิปป์ส, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน,ธิอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม,เคอร์ติช โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์,โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
ฟูแล่ม (4-2-3-1): อัลฟองส์ อเรโอล่า,โอล่า ไอน่า, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, โทซิน อดาราบิโอโญ่, แอนโทนี่ โรบินสัน, แฮร์ริสัน รี๊ด,ซามโบ้ อองกิสซ่า, บ๊อบบี้ เด คอร์โดว่า-รี๊ด, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, อเดโมล่า ลุคแมน และจอช มาย่า
สถิติการพบกันทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ให้กับฟูแล่มมา 7 เกมรวด โดยเอาชนะได้ 6 และเสมอ 1 ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพลาดท่าให้กับทีม “เจ้าสัว” ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 และเป็นการแพ้คาแอนฟิลด์
อีกคู่ที่น่าสนใจ เกมลอนดอน ดาร์บี้ เตะดึกสุดในคืนวันอาทิตย์ เวลา 02.15 น.“ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่จะเพิ่งฟื้นเอาชนะมา 2 เกมรวดจะได้เล่นในรังของตัวเอง เกมนี้ไม่มี โจวานี่ โล เซลโซ่ มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ที่บาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เหลืออยู่ในชุดที่พร้อมลงเล่นทั้งหมด โชเซ่ มูรินโญ่กำลังได้ทีมที่ลงตัวขึ้นกับการถอย ต็องกีย์เอ็นดอมเบเล่ ไปยืนคู่กับ ปีแอร์-เอมิลฮอยเบี๊ยก พร้อมส่ง แกเร็ธ เบล ลงประสานเกมรุกกับ ลูคัส มูร่า, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
ทางฝั่งผู้มาเยือน “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ เพิ่งจะยันเสมอกับ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา 0-0 เกมนี้ยังไม่มี มามาดู ซาโก้, เจมส์ แม็คคาร์ธีย์ และเจมส์ ทอมกิ้นส์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ข่าวดีได้วีลฟรีด ซาฮา ฟิตพร้อมกลับมาช่วยทีมอีกครั้งในรายของ นาธาเนี่ยล ไคลน์ และไทริค มิทเชลล์ต้องรอเช็คความฟิต นอกนั้นลงได้หมด ฝากความหวังไว้ที่ความจัดจ้านของแนวรุกอย่าง อันดรอส ทาวน์เซ่นด์ และเอเบเรซี่ เอเซ่
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม สเปอร์ส (4-2-3-1) : ฮุโก้ญอริส, แซร์ก โอริเย่ร์, ดาวินซอน ซานเชซ,โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เซร์คิโอ้ เรกีลอน, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบี๊ยก, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่,แกเร็ธ เบล, ลูคัส มูร่า, ซน ฮึง มีน และแฮร์รี่ เคน
คริสตัล พาเลซ (4-4-2) : บิเซนเต้กวยต้า, โจเอล วอร์ด, ชีค คูยาเต้, แกรี่เคฮิลล์, แพทริค ฟาน อานโฮลท์, อันดรอส ทาวน์เซ่นด์, ลูก้า มิลิโวเยวิช, ไคโร รีเดวัลด์, เอเบเรซี่ เอเซ่, คริสติยง เบนเตเก้ และวีลฟรีด ซาฮา
สถิติการพบกันทั้งสองทีม สเปอร์ส ไม่แพ้ให้กับ พาเลซ มาแล้ว 4 เกมติด แต่ทว่าสองหนหลังสุดที่พวกกันออกเสมอทั้งสองนัดด้วยสกอร์ 1-1 เหมือนกัน
This website uses cookies.