ฟีฟ่า เดย์ อลเวง

ในขณะที่เกมลีกยุโรปกำลังตะบันแข้งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่หลาย ๆ ทีมต้องลงสนามเสาร์ชนพุธต่อเนื่องไม่หยุด “ฟีฟ่า เดย์” ครั้งแรกของปี 2021 ก็กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนปลายเดือนนี้

    

แต่ก่อนร่อนชะไร ฟีฟ่า เดย์ มักจะเป็นชนวนให้สโมสรกับทีมชาติฟาดฟันกันมาตลอดอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ ฟีฟ่า ให้สิทธิทีมชาติถือไพ่เหนือกว่า คือถ้าเรียก สโมสรต้องปล่อย ทำเอาบรรดาต้นสังกัดนักเตะบ่นกับเป็นหมีกินผึ้ง เรียกได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด

    

แต่ว่ากับ ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ ด้วยสถานการณ์ของ “โควิด-19” ฟีฟ่า หันมาแสดงความเห็นใจสโมสร โดยการให้สิทธิไม่ต้องปล่อยนักเตะไปเล่นทีมชาติได้ หากนักเตะที่เดินทางไปรับใช้ชาติ ต้องกักตัวตามกฎของแต่ละประเทศเป็นเวลาเกิน 5 วัน 

    

สำหรับกฎของอังกฤษนั้น คนที่เดินทางมาจากประเทศที่อยู่ใน “เรดลิสต์” จะต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งไอ้เจ้า “เรดลิสต์” ที่ว่านั้น มีทั้งโปรตุเกส ทุกชาตในทวีปอเมริกาใต้ รวมถึงบางชาติทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา

    

ดูชื่อประเทศก็รู้แล้วครับว่างานนี้ หากทีมในแดนผู้ดีต้องปล่อยนักเตะเหล่านี้ไปเล่นทีมชาติแล้วต้องกักตัวเมื่อกลับมา รับรองว่าร้องกันถ้วนหน้าแน่ เพราะนักเตะจากชาติใน “เรดลิสต์” ของอังกฤษนั้น มีอยู่เต็มลีกไปหมด 

    

เมื่อ ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ใกล้เข้ามา ความเคลื่อนไหวในเรื่องของการ “ยื้อ” นักเตะระหว่างทีมชาติกับสโมสรก็เริ่มมีให้เห็น แน่นอนว่าทีมชาติเองก็อยากได้นักเตะที่ดีที่สุดไปใช้งาน โดยเฉพาะทีมที่มีเกมสำคัญ ๆ ใน ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ 

    

แต่พอ ฟีฟ่า ให้สิทธิสโมสรไม่ต้องปล่อยนักเตะที่เข้าเงื่อนไขที่ว่า ก็ดูเหมือนว่าบรรดาทีมในพรีเมียร์ลีก ต่างก็เตรียมจะใช้สิทธิที่ว่ากันเต็มที่

 

    

เจอร์เกน คลอปป์ คือหัวหมู่ทะลวงฟัน ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เป็นคนแรกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องด้วย ลิเวอร์พูล มีทั้ง ดีโอโก โชตา ที่อยู่ในข่ายทีมชาติโปรตุเกม รวมถึง 3 แข้งทีมชาติบราซิลอย่าง โรแบร์โต ฟีร์มิโน, ฟาบินโญ และ อลิสซอน เบคเกอร์ แน่นอนว่านายใหญ่ “หงส์แดง” ย่อมยืนยันที่จะใช้สิทธิที่ว่าแน่หากทั้ง 4 คนถูกเรียกตัว 

    

เหตุผลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร คลอปป์ บอกว่าในเมื่อสโมสรคือคนจ่ายค่าจ้าง หากนักเตะกลับมาจากไปเล่นทีมชาติแล้วต้องกักตัวไม่สามารถเล่นให้ต้นสังกัดได้อีก 10 วัน มันก็ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ 

 

    

โอเล กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็พูดชัดเจนว่าเขาเองก็คงใช้สิทธิไม่ปล่อยตัวหลักอย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ไปเล่นทีมชาติโปรตุเกสเช่นกัน 

    

กระนั้น มันยังมีทางออก นั่นคือการย้ายสังเวียนเตะ เพราะหากเกมย้ายไปเล่นกันในชาติที่ไม่ได้อยู่ใน “เรดลิสต์” และนักเตะไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับมา สโมสรก็ยังคงต้องปล่อยนักเตะไปเล่นทีมชาติเหมือนเดิม 

 

    

นี่แค่กฎของ อังกฤษ ชาติเดียวนะครับ ยังไม่ได้พูดถึงกฎการกักตัวของชาติในลีกยักษ์ใหญ่แต่ละลีก ซึ่งก็คงแตกต่างกันออกไป เรียกได้ว่างานนี้ต้องนั่งคัดนั่งแยกกันอุตลุดว่านักเตะคนไหนต้องปล่อย คนไหนไม่ปล่อยได้ 

    

และกว่าจะตัดสินใจกันได้ ทีมชาติต่าง ๆ จะมีเวลาเตรียมแผนกับการมีหรือไม่มีนักเตะบางคนมากน้อยแค่ไหน…?  

    

แค่คิดก็ปวดหัวแทนแล้วครับ…     

.

.                

ผยองเดช