ครึ่งชั่วโมงกับวัคเกอร์ อินน์สบรู๊ค ที่ซาลเฟลเด้น ในออสเตรีย เสมอ 1-1
ครึ่งชั่วโมงกับเฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ที่ซาลเฟลเด้น ในออสเตรีย เสมอ 1-1
เต็มเกมกับไมนซ์ ที่โกรดิก ในออสเตรีย ชนะ 1-0
เต็มเกมกับแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่อินน์สบรู๊ค ในออสเตรีย แพ้ 3-4
หนึ่งชั่วโมงเกมแรกกับโบโลญญ่า ที่โตนง-เลส์-แบงส์ ในฝรั่งเศส ชนะ 2-0
หนึ่งชั่วโมงเกมที่สองกับโบโลญญ่า ที่โตนง-เลส์-แบงส์ ในฝรั่งเศส ชนะ 1-0
เต็มเกมกับ แอธเลติก บิลเบา ที่แอนฟิลด์ เสมอ 1-1
และเต็มเกมกับ โอซาซูน่า ที่แอนฟิลด์ ชนะ 3-1
สิ่งที่ได้เห็นในเรื่องของผลการแข่งขันก็คือลิเวอร์พูลทำประตูได้ทุกเกมแม้กระทั่งเกมที่เตะกันแค่ 30 นาที ขณะที่ไม่เสียประตูอยู่ 3 เกม คลีนชีตแบบเต็มแมตช์ในเกมกับไมนซ์ และคลีนชีตตลอด 120 นาทีที่เจอกับโบโลญญ่า
ถามว่าน่าพอใจไหมสำหรับเดอะ ค็อป ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่คน บางคนซีเรียสกับผลการแข่งขันว่ามันย่อมสะท้อนถึงความพร้อมของทีม แต่บางคนก็ไม่ใส่ใจอะไรกับผลการแข่งขันเลยเนื่องจากมันเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องจะไปจริงจังกับผลแพ้ชนะไม่ได้ แพ้ก็อย่าเพิ่งใจเสีย ชนะก็อย่าเพิ่งย่ามใจ กี่ครั้งกี่หนกันแล้วที่ทีมอุ่นเครื่องดีแต่ของจริงแย่ ทีมอุ่นเครื่องแย่แต่ของจริงดี
คนที่ทำประตูให้กับลิเวอร์พูลในเกมปรีซีซั่นมี ซาดิโอ มาเน่ กับ ทาคุมิ มินามิโนะ คนละ 3 ลูก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับ ดีเอโก้ โชต้า คนละ 2 ลูก ดิว็อค โอริกี้ กับ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คนละลูก และคู่ต่อสู้ทำเข้าประตูตัวเองอีกหนึ่งลูก (ประตูของมินามิโนะในเกมโอซาซูน่า บางสำนักให้เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ เฆซุส อเรโซ่)
ถ้ามองกันแค่ตรงนี้ผมคิดว่าความน่าพอใจอยู่ที่การมีส่วนทำประตูของนักเตะที่ปกติไม่มีบทบาทตรงนี้เท่าใดนัก อย่างฟีร์มีโน่กับมาเน่ปกติเป็นตัวจริงแต่ถูกวิจารณ์เรื่องความเด็ดขาดในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูบ่อยครั้ง ขณะที่มินามิโนะซีซั่นก่อนไม่มีโอกาสแสดงผลงานเลยทว่าปรีซีซั่นซัด 3 ประตูพร้อมความเยือกเย็นในการเล่นและแรงปะทะที่ดีกว่าเดิม
สำหรับผม ผมค่อนข้างพอใจ และเดาว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กับทีมงานก็คงพอใจในระดับหนึ่ง ทีมเล่นเพรสซิ่งสูงได้ดี แย่งบอลในแดนคู่ต่อสู้หรือเอาบอลกลับมาครองได้ทันทีหลังเสียการครอบครองได้บ่อยครั้ง ที่สำคัญคือผลงานของบรรดานักเตะชุดสอง
เท่าที่ได้เห็นจากทุกเกมที่ผ่านมา ผมคิดว่า ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, มินามิโนะ, คอสตาส ซิมิกาส และ นาบี เกอิต้า มีการตอบสนองที่สดชื่นมาก
สองคนหลังภาวนาให้ไม่โชคร้ายเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอีก ถ้าแนวโน้มเป็นไปตามการเคาะสนิมใน 4-5 เกมที่ผ่านมา ผมคิดว่าเกอิต้ามีลุ้นถึงตัวจริงได้เลย ตอนนี้กองกลางกินีเป็นมิดฟิลด์อันดับสี่ของทีมถัดจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า
เกอิต้าอาจจะไม่ถึงกับโดดเด่นทุกเกมทุกนาที การเล่นร่วมกับเพื่อนอาจจะยังต้องปรับให้ลงตัว แต่ปฏิกิริยาที่กระฉับกระเฉงช่วยให้ความกังวลผ่อนลงไปได้มาก ความเก่งของเขาคือการเพรสซิ่งเข้าใส่คู่แข่ง ตะปบแย่งบอลดุดันด้วยอ่านจังหวะของคู่ต่อสู้ได้ดีและขยัน คล่อง เท้าไว และคุณสมบัตินี้คือกุญแจสำคัญในเกมของลิเวอร์พูลด้วยเพราะซีซั่นนี้จะกลับไปเน้นการบีบสูงแย่งบอลให้ได้ตั้งแต่ในแดนคู่แข่งอีกครั้ง
ถ้าไม่มีกองกลางตัวใหม่เข้ามา ขุมกำลังของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในตำแหน่งกองกลางจะเป็นแบบนี้ เฮนโด้, ฟาบินโญ่, ติอาโก้, เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เซอร์ดาน ชากิรี่ และที่น่าสนใจมากคือมี เอลเลียตต์ เข้ามาร่วมแจมอีกคนเพราะในช่วงปรีซีซั่นคล็อปป์จับเอลเลียตต์เล่นกองกลางตัวในตลอดไม่ใช่ตำแหน่งปีกตามที่ถนัด
มันคงเป็นอย่างที่คล็อปป์พูดนั่นล่ะครับ การที่เอลเลียตต์ได้เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางทำให้เขาเข้าใจเกมได้กว้างขึ้น ได้รู้จังหวะการเล่นร่วมกับปีก เขาไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนี้เพิ่มเติมอีกแต่ตีความได้ไม่ยากว่าการที่เอลเลียตต์ซึ่งเป็นปีกธรรมชาติได้เล่นในตำแหน่งกองกลางจะทำให้เขาเข้าใจการเล่นของกองกลางมากขึ้นว่าจังหวะแบบไหนกองกลางต้องการให้ปีกทำอะไร
จังหวะนี้อยากให้ปีกวิ่งตัดเข้าใน จังหวะนี้อยากให้ยืนรอบอลที่ริมเส้นไปก่อน จังหวะนี้อยากให้วิ่งดึงคนเพื่อเปิดช่องให้แบ๊กเติมขึ้นไปในพื้นที่ คนเป็นกองกลางจะต้องมองเกมให้กว้างแบบนั้น
เป็นการเรียนรู้เพื่อนร่วมทีมด้วยการเล่นในตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีม และมันก็คือเกมที่คล็อปป์สามารถให้เด็กเรียนรู้ได้ในสิ่งที่เขาอยากให้เรียนรู้เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อม โค้ชได้ทดลองไอเดียที่อยากเห็น นอกจากเรื่องแท็คติกที่เอลเลียตต์สามารถสอดขึ้นไปแทนที่ซาลาห์ทางด้านกว้างในจังหวะที่ดาวเตะอียิปต์ขยับเข้าในแล้วก็เป็นเรื่องการเรียนรู้บทบาทอื่นที่ไม่เคยเล่นนี่แหละ
สิ่งที่น่าประทับใจเท่าที่เห็นสำหรับเอลเลียตต์ก็คือความมั่นใจ เขาดูเป็นธรรมชาติ กล้าเล่น กล้าตัดสินใจ และเรามีความเชื่อลึกๆ ได้ว่าเขาจะยังดีขึ้นไปกว่านี้ได้อีก ใครจะรู้ครับ เอลเลียตต์อาจพัฒนาขึ้นไปเป็นนักเตะที่เล่นได้ยอดเยี่ยมทั้งริมเส้นและตัวในก็ได้
ส่วนซิมิกาสฟิตเต็มที่ในช่วงเตรียมทีมและเป็นนักเตะที่เล่นได้น่าพอใจที่สุดคนหนึ่ง ได้เห็นการเติมเกมดีๆ หลายครั้ง การบาดเจ็บของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน คือเรื่องผิดแผน แต่ในทางกลับกันมันจะเป็นโอกาสที่ดีของแบ๊กซ้ายทีมชาติกรีซที่จะได้พิสูจน์ตัวเอง
เกมอุ่นเครื่องกับโอซาซูน่าทั้งเขาและมินามิโนะโดดเด่นมาก การประสานงานกันทางซ้ายไหลลื่นมีความอันตราย ลูกเปิดของแบ๊กซ้ายกรีซหลังจังหวะทำชิ่ง 1-2 กับดาวเตะญี่ปุ่นพุ่งเข้าหาเป้าหมายในประตู 2-0 ของฟีร์มีโน่ ขณะที่การเคลื่อนที่ของมินามิโนะสร้างปัญหาให้เกมรับทีมเยือนตลอดเวลา ลูกเปิดของเขาให้บ๊อบบี้ทำประตู 3-0 แม่นยำราวจับวาง หรือประตูขึ้นนำ 1-0 ก็แสดงให้เห็นถึงความนิ่งและแรงปะทะที่ดีขึ้นในจังหวะหลุดเข้าเขตโทษ ไม่ร้อนรนแต่เอาตัวบังกองหลังคู่ต่อสู้ให้ตัวเองได้เปรียบที่สุดก่อนจะสับไก
ในความรู้สึกของผม การเก็บตัวและลงอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นของลิเวอร์พูลในครั้งนี้เราได้เห็นอะไรดีๆ เยอะอยู่นะครับ การกลับมาของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ สภาพร่างกายของ ซาดิโอ มาเน่ การจบสกอร์ของ ฟีร์มีโน่ กับ โชต้า และการโชว์ฟอร์มของผู้เล่นชุดสอง
ไม่รู้ว่าจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาไหม มีก็ดี ไม่มีก็ดี แต่เชื่อว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะพร้อมและมีแผนงานรองรับสำหรับเกมเปิดฤดูกาลวันเสาร์นี้แล้วล่ะครับ
ตังกุย
This website uses cookies.