วันเสาร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 18.48 น.
เจอร์เก้น คล็อปป์ รอการตัดสินใจของ อลิสซอน เบ๊คเกอร์ จะลงเล่นหรือไม่ให้กับ ลิเวอร์พูล หลังจากสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกะทันหัน
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์นี้ มีการดวลแข้งทั้งหมด 5 คู่ พร้อมกับเป็นเกมที่มีบิ๊กเนมลงดวลกันหลายต่อหลายเกม ซึ่งปรีวิวการปะทะแข้งมีดังนี้
เลสเตอร์ ซิตี้-อาร์เซนอล : เวลา 19.00 น. เจ้าถิ่นเพิ่งทำงามไส้ด้วยการพ่ายคารังให้กับ สลาเวีย ปราก 0-2 ตกรอบ 32 ทีม ยูโรป้า ลีก แต่ผลงานในลีกโดยรวมถือว่าดีรั้งอันดับ 3 ของตาราง เกมนี้ไม่มี เดนนิส ปร้าต์, เวสลีย์ โฟฟาน่า, อโยเซ่ เปเรซ และเจมส์ จัสติน ที่บาดเจ็บ ในรายของ เจมส์ แมดดิสัน รอเช็คความฟิต หากลงเล่นไม่ได้ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส อาจจะจัดทัพแบบเน้นความชัวร์ในระบบ 4-5-1 ส่ง นอมปาลิสเมนดี้ ไปช่วย วีลฟรีด เอ็นดิดี้ และยูรีทีเลมานส์ ไปช่วยงานในแดนกลาง ตัวริมเส้นสองฝั่งเป็น มาร์ค อัลไบร์ทตัน และฮาร์วีย์ บาร์นส์ โดยมี เจมี่ วาร์ดี้ ยืนหน้าเป้า
ทีมเยือน ปืนใหญ่ ที่ฟอร์มเอาแน่เอานอนไม่ได้ผ่านการเล่นเกมกลางสัปดาห์มาเช่นกันด้วยการเฉือนเอาชนะ เบนฟิก้า ไป 3-2 เกมนี้ต้องรอเช็คความฟิตของ ร็อบ
โฮลดิ้ง แนวรับ ส่วน โธมัส ปาร์เตย์ กลับมาสมบูรณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงในแดนกลางเล่นร่วมกับ กรานิต ชาก้าแผงเกมรุกยกชุดมาจากนัดที่แล้ว นำโดย บูกาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, เอมิล สมิธโรว์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เลสเตอร์ ซิตี้ (4-5-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, จอนนี่อีแวนส์, คักลาร์ โซยุนคู, ธีโมที กาสตานเญ่, มาร์ค อัลไบร์ทตัน, ยูรี ตีเลมองส์, วีลฟรีด เอ็นดิดี้, นอมปาลิส เมนดี้, ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และเจมี่ วาร์ดี้
อาร์เซนอล (4-2-3-1) : แบรนด์ เลโน่, เอคตอร์ เบเญริน, ดาวิด ลุยซ์,กาเบรี่ยล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นีย์, โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาก้า, บูกาโย่ ซาก้า,มาร์ติน โอเดการ์ด, เอมิล สมิธ โรว์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง
สเปอร์ส-เบิร์นล่ีย์ : เวลา 21.00 น.เจ้าบ้าน “ไก่เดือยทอง” ที่ผลงานในลีกกำลังย่ำแย่ชนะ 1 แพ้ 5 จาก 6 นัดหลังสุด แต่ฟอร์มในยูโรป้า ลีก ยอดเยี่ยมถล่ม โวล์ฟสแบร์เกอร์ 4-0 เกมนี้ยังไม่มี แซร์ก โอริเย่ร์ แบ๊กขวาจอมลุยที่บาดเจ็บ ในรายของ โจวานี่โลเซลโซ่ มิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์กลับมาซ้อมได้แล้ว แต่เชื่อว่ายังไม่สมบูรณ์ คาดว่าเกมนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ จะกลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ที่พักไว้ทั้งหมด ยึดระบบ 4-2-3-1 ด้วยการถอย ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ลงมายืนคู่มิดฟิลด์กับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก แนวรุกใช้ แกเร็ธ เบล, เอริค ลาเมล่า และซน ฮึง มินเป็นสามประสานคอยป้อนบอลให้กับหน้าเป้าอย่าง แฮร์รี่ เคน
“การคุมทัพแล้วตกอยู่ภายใต้ความกดดันคือ อ็อกซิเจนของผม” มูรินโญ่ กล่าวหลังจากทีมฟอร์มไม่ดีในลีก “ปัญหาคือถ้าคุณไม่มีแรงกดดันต่างหาก ผมมองเรื่องนี้เป็นออกซิเจน เป็นชีวิตเรา ผมไม่คิดว่าจะมีโค้ชคนไหนในโลกที่ไม่มีเป้าหมาย หรือไม่มีความกดดันใดๆ”
โชเซ่ มูรินโญ่ ตกอยู่ในสถานการณ์กดดันสุดๆ ในการคุมทัพ สเปอร์ส แต่เจ้าตัวบอกพร้อมลุยเบิร์นลี่ย์
ทีมเยือน “เดอะ คลาเร็ตต์” เบิร์นลี่ย์ สัปดาห์ที่แล้วลงเล่น 2 เกม เสมอกับทีมโซนท้ายตารางอย่าง ฟูแล่ม และเวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน มาทั้งสอง 2 นัด ความพร้อมเกมนี้ไม่มี โยฮัน เบิร์ก กุดมุนด์สสัน ที่บาดเจ็บ ที่เหลือรอเช็คความสมบูรณ์ของ แอชลีย์บาร์นส์ และคริส วู้ด หากทั้งคู่เล่นไม่ได้แดนหน้าต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ มาเตจวีดร้า และเจย์ โรดริเกซ ส่วนแนวรับหายห่วงได้ทีมชุดหลักกลับมาครบทุกตำแหน่ง
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม สเปอร์ส (4-2-3-1) : ฮูโก้ ญอริส, แมตต์ โดเฮอร์ตี้, ดาวินซอน ซานเชซ, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ้ เรกีลอน,
ปีแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ก, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่, แกเร็ธ เบล, เอริค ลาเมล่า, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
เบิร์นลีย์ (4-4-2) : นิค โป๊บ, แมทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, ชาร์ลีเทย์เลอร์, จอช บราวน์ฮิลล์, แจ็ค คอร์ก,แอชลีย์ เวสต์วู้ด, ดไวท์ แม็คนีล, มาเตจวีดร้า และเจย์ โรดริเกซ
เชลซี-แมนฯยูไนเต็ด : เวลา 23.30 น.บิ๊กแมทช์ประจำสัปดาห์ เจ้าถิ่น “สิงห์บลูส์” ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล พวกเขายังไม่แพ้ใคร โดยในลีกเอาชนะได้ 4 และเสมอ 2 จากการลง 6 นัด เกมนี้มีปัญหาจุดเดียวคือ ติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังตัวเก๋าที่บาดเจ็บนอกนั้นถือว่าพร้อมทุกตำแหน่งอยู่ที่ว่าจะเลือกใครลงเล่น
คาดว่าเทรนเนอร์เมืองเบียร์น่าจะยึดกำลังหลักชุดเดิมในระบบ 3-4-2-1 คู่มิดฟิลด์ใช้ จอร์จินโญ่ เล่นกับ มัตเตโอ โควาซิซส่วนแนวรุกเลือก เมสัน เม้าท์ ประสานงานกับ ตีโม แวร์เนอร์ พร้อมดร็อป แทมมี่อบราฮัม เปิดทางให้กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ฮีโร่ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ลงล่าตาข่าย
“เรายังไม่แพ้ใครตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ คือสิ่งที่ดีและเป็นกำลังใจต่อเราทุกคนที่เกี่ยวข้อง น่าสนใจว่า การได้เจอกับ แมนยูฯคือบททดสอบอันยอดเยี่ยมของเราทุกคนว่าเราอยู่ในระดับไหนอีกอย่างก็คือมีเรื่องแปลกๆ เพราะผมเวลาเจอกับ แมนฯยู มีสถิติชนะนอกบ้าน 2 ครั้ง แต่แพ้ในบ้าน 2 ครั้งเหมือนกัน ดังนั้นผมจะต้องทำให้ดียิ่งขึ้น” ทูเคิ่ล กล่าว
ทางฝั่ง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงของตารางที่เพิ่งเสมอกับ เรอัล โซเซียดัด มา 0-0 ด้วยการพักตัวหลักไว้หลายตำแหน่งเพื่อมาใช้ลงเล่นในเกมนี้โดยเฉพาะ แต่เบี้องต้นจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ปอล ป๊อกบา และฆวน มาต้า ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ส่วน สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ รอเช็คความฟิตเช่นเดียวกับ เอดินสัน คาวานี่ แต่เชื่อว่าน่าจะได้ลงเล่นประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เฟร็ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ เฟอร์นานเดสและเมสัน กรีนวู้ด
“ปัญหาของเราก็คือ อยู่ๆ ก็มาเสีย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ๊ค และปอล ป็อกบา ทั้งสามคนสำคัญต่อเรา เพราะพวกเขาคือกระดูกสันหลังในแดนกลาง เราต้องลุ้นจริงๆ ว่าพวกเขาจะพร้อมหรือไม่ แต่เราไม่มี ปอล แน่นอน เพราะเขาต้องพักอีก 2-3 สัปดาห์ ส่วน เอดินสัน คาวานี่ ยังมีเวลาให้เราได้เช็คฟิตว่า เขาจะพร้อมหรือไม่” โซลชา กล่าว
โธมัส ทูเคิ่ล จะวัดฝีมือกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บิ๊กแมทช์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เวลา 23.30 น.
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียสคริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, จอร์จินโญ่, มัตเตโอ โควาซิซ, มาร์กอส อลอนโซ่, เมสัน เม้าท์, ตีโม แวร์เนอร์ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, เฟร็ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ เฟอร์นานเดส,บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เมสัน กรีนวู้ด และเอดินสัน คาวานี่
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด-ลิเวอร์พูล : เวลา 02.15 น. เกมคู่ดึกของสองทีมที่ผลงานไม่ดีด้วยกันทั้งคู่ เจ้าถิ่น “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตารางที่แพ้ในลีกมา 3 เกมติด นัดล่าสุดบุกไปโดนฟูแล่มอัดมา 1-0 เกมนี้ คริส ไวเดิ้ล ต้องเจอปัญหาให้ปวดหัวเพราะมีแข้งตัวหลักพากันเดี้ยงเพียบ ไม่ว่าจะเป็น จอห์นอีแกน, ซานเดอร์ เบิร์ก, แจ็ค โอคอนเนลล์, คริส บาแช่ม รวมไปถึงดาวรุ่งอย่าง เจย์เด้น โบเกิ้ล ทำให้ในแผง 3 เซนเตอร์ คีน ไบรอัน จะได้รับโอกาสลงเล่นร่วมกับ ฟีล จากีลก้า และเอธาน อัมปาดู ส่วนแดนกลางไม่มีปัญหาอะไร ยืนพื้นด้วย จอห์น ลุนด์สแตรม, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด และจอห์น เฟลค โดยมี เดวิด แม็คโกลดริค และบิลลี่ ชาร์ป เป็นคู่หัวหอก
ทางฝั่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แพ้มา 4 เกมติด แถมยังเป็นการแพ้ในบ้านหนแรกในรอบ 98 ปี ล่าสุด อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็เพิ่งเสียคุณพ่อสุดที่รักไป เช่นเดียวกับตัวกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่สูญเสียคุณแม่ โดยทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงานอำลาครั้งสุดท้าย โดยที่ คล็อปป์ ไม่ยืนยันว่า อลิสซอนจะลงเล่นหรือไม่ในนัดนี้
เกมนี้ยังไม่มีสามแนวรับอย่าง โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค และโจ โกเมซ ส่วนกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พัก 6-8 สัปดาห์ อาจจะมีเซอร์ไพรส์ตรงที่ ฟาบินโญ่ และดีโอโก้ โชต้า ที่กลับมาซ้อมแล้วรอลุ้นว่าจะมีชื่อหรือไม่ คาดว่าเกมนี้จะได้เห็นการออกสตาร์ทของคู่เซ็นเตอร์ธรรมชาติคือ โอซานคาบัค และนาธาเนี่ยล ฟิลิปส์ ส่วนด้านบนเหมือนเดิมไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (3-5-2): แอรอน แรมส์เดล, เอธาน อัมปาดู, ฟีล จากีลก้า, คีน ไบรอัน, จอช บัลด็อค, จอห์น ลุนด์สแตรม, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, จอห์น เฟลค, เอ็นด้า สตีเว่นส์, เดวิด แม็คโกลดริค และบิลลี่ ชาร์ป
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ๊คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, นาธาเนี่ยล ฟิลิปป์ส, แอนดรูว์โรเบิร์ตสัน, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติช โจนส์,โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
This website uses cookies.