ฉีดวัคซีนโควิด ยาละลายลิ่มเลือด ยาคุมกำเนิด ยาไมเกรน ยาความดัน ยาแก้ปวด ยาโรคประจำตัวต่าง ๆ กินได้ไหม ยาที่ควรงดก่อนฉีดวัคซีนโควิดมีอะไรบ้าง มาหาคำตอบกัน
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด 19 นอกจากต้องรักษาสุขภาพร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ตัวเองพร้อมฉีดวัคซีนแล้ว อีกเรื่องที่หลายคนค่อนข้างกังวลก็คือ ไม่แน่ใจว่าควรหยุดยาประเภทไหนก่อนฉีดวัคซีนโควิดหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้มีหลายกระแสออกมา บ้างก็ว่าห้ามกินยาชนิดนี้ ควรงดยาชนิดนั้น แต่ภายหลังสถาบันที่เกี่ยวกับการแพทย์ของโรคนั้น ๆ ก็ออกมาชี้แจงว่า ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาเอง
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เราเลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาประเภทต่าง ๆ ที่สถาบันทางการแพทย์แนะนำไว้มาแจกแจงให้เข้าใจกันค่ะ ว่าจำเป็นไหมจะต้องหยุดยาก่อนฉีดวัคซีนโควิด
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ยาเม็ดชนิดฮอร์โมนรวม ยาฉีดคุมกำเนิด และแผ่นยาปิดผิวหนังคุมกำเนิด สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้ เพราะจากการศึกษาวิจัยทั่วโลกไม่พบว่าการฉีดวัคซีนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันแต่อย่างใด แต่หากยังมีความกังวลใจ และต้องการหยุดการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ มาทดแทนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์
ขณะที่ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า การใช้ยาคุมกำเนิดไม่ได้เป็นข้อห้ามในการฉีดวัคซีนโควิด ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ใช้ แต่เนื่องจากฮอร์โมนดังกล่าวมีผลทำให้เลือดข้นอยู่บ้างแล้ว ถ้าจะเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนจะได้ไม่เกิดปัจจัยซ้ำซ้อนขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง 14 วัน ก่อนวัคซีน และ 14 วัน หลังวัคซีน ระหว่างนั้นให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นไปก่อน
กินยาคุมฉีดวัคซีนโควิดได้ไหม จะเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน หรือต้องหยุดยาก่อนหรือเปล่า ?
ผู้ป่วยที่ต้องกินยารักษาโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรังที่มีอาการคงที่ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน และโรคอ้วน สามารถกินยาได้ตามปกติก่อนเข้ารับวัคซีน
ยาละลายลิ่มเลือด หรืออาจเรียกว่า ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือคนที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย สามารถรับประทานยาได้ตามปกติ คือ
1. ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) กินได้ และต้องมีระดับ INR หรือค่าความแข็งตัวของเลือดน้อยกว่า 4 จึงฉีดวัคซีนโควิดได้ หรือหากไม่มีผล INR แต่ระดับ INR ก่อนหน้านี้อยู่ในระดับ 2-3 มาโดยตลอด ก็สามารถฉีดวัคซีนได้
2. ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin), โคลพิโดเกรล (Clopidogrel), ซิลอสทาซอล (Cilostazol) กินได้ และสามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ไม่ควรคลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน
3. ยาต้านการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่ (NOACs) เช่น ดาร์บิการ์แทน (Dabigatan), ไรวาร็อกซาแบน (Rivaroxaban), อพิซาแบน (Apixaban), อีด็อกซาแบน (Edoxaban) รับประทานได้ โดยมีคำแนะนำเพิ่มเติมคือ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่กินยาละลายลิ่มเลือดทุกชนิด ก่อนฉีดวัคซีนโควิดควรแจ้งแพทย์ที่จุดฉีดวัคซีนให้ทราบด้วยนะคะ เพราะจะต้องกดตำแหน่งที่ฉีดยาให้นานกว่าปกติจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีเลือดออกผิดปกติ
สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้ป่วยโรคปวดศีรษะไมเกรนไม่จำเป็นต้องหยุดยาแก้ปวดศีรษะไมเกรน เพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้ จึงสามารถรับประทานยาเหล่านี้ได้ตามปกติ
ยาแก้ปวดศีรษะไมเกรนชนิดต่าง ๆ ได้แก่
ยาป้องกันไมเกรนชนิดต่าง ๆ ได้แก่
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่กังวลใจ และต้องการหยุดยาแก้ปวดไมเกรนหรือยาป้องกันไมเกรน ให้ปรึกษาแพทย์ที่รักษา เพื่อวางแผนในการฉีดวัคซีนโควิด และแนะนำอาการของโรคปวดศีรษะไมเกรนที่อาจจะเกิดขึ้น
กินยาไมเกรน ฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม หรือต้องหยุดยาก่อน-หลังฉีด
ก่อนฉีดวัคซีนโควิด ต้องงดยาแก้ปวด ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล เพราะยาอาจไปกดภาวะการอักเสบ จนบดบังการตอบสนองของวัคซีน นอกจากนี้หากมีอาการไม่สบายหลังฉีดวัคซีน อาจทำให้เกิดความสับสนได้ว่าเป็นอาการแพ้วัคซีนหรือเป็นอาการป่วยที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ถ้ามีอาการป่วย เป็นไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน 2 สัปดาห์
แต่หลังฉีดวัคซีน ถ้ามีไข้สามารถกินยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด (เช่น ยี่ห้อไทลินอล, ซาร่า, พาราแคพ, บาคามอล, ซีมอล, พานาดอล, เทมปร้า) ซึ่งเป็นยาลดไข้ที่ปลอดภัยที่สุด หากไม่หายสามารถกินซ้ำได้โดยห่างจากเม็ดแรก 4-6 ชั่วโมง ส่วนยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน, นาโปรเซน, เซเลโคซิบ, ไดโคลฟีแนค, ไพร็อกซิแคม เป็นต้น หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยง
ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น มายโดคาล์ม (Mydocalm), นอร์จีสิก (Norgesic) สามารถรับประทานได้
เพราะยาลดน้ำมูก ยาแก้หวัดคัดจมูก กลุ่มที่มีฤทธ์ทางระบบประสาทอัตโนมัติ (Sympathomimetic) เช่น Pseudoephedrine มีผลทำให้หลอดเลือดแดงหดตัวได้ ดังนั้น จึงมีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มนี้ในวันที่ฉีดวัคซีน และ 14 วัน หลังจากนั้น ซึ่งเป็นระยะเวลาที่อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับประทานอยู่เป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อน
คนที่เป็นภูมิแพ้และใช้ยาต้านฮิสตามีน หรือยาแก้แพ้ มาอย่างต่อเนื่อง สามารถกินยาได้ตามปกติ ไม่ควรลดหรือหยุดยาก่อนมาฉีดวัคซีน เพราะอาจทำให้โรคกำเริบและมีอาการคล้ายแพ้วัคซีนได้
แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนใช้ยาฮิสตามีนอย่างต่อเนื่อง ไม่แนะนำให้กินยาก่อนฉีดวัคซีนโควิด เพื่อป้องกันการแพ้วัคซีน เพราะไม่สามารถป้องกันอาการแพ้รุนแรงได้ และอาจบดบังอาการแพ้ทางผิวหนังที่เกิดขึ้น
ยานอนหลับ ยาคลายวิตกกังวล สามารถกินได้ตามปกติ
ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ผู้ป่วยจิตเวชรับประทานยาต่อเนื่อง ซึ่งยาจิตเวชส่วนใหญ่ปลอดภัยต่อวัคซีน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564) ดังนั้น ไม่ควรลดยา เพิ่มยา หรือปรับยาเอง เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือถอนยาได้ แต่หากผู้ป่วยหรือญาติกังวลใจ อาจพูดคุยปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เรื่องการฉีดวัคซีน
ผู้ป่วยโรคหืดสามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ โดยสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาไว้ดังนี้ค่ะ
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลไว้ว่า กรณีผู้ป่วยที่โรคสงบ สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ โดยมีข้อแนะนำเรื่องการหยุดยา หรือไม่หยุดยาชั่วคราว ดังนี้
ผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ เช่น สูตรตำรับของอาจารย์เดชา เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยและคุณภาพชีวิต สามารถใช้ต่อได้ ไม่ต้องหยุด และไม่ต้องเพิ่มปริมาณ
สรุปฉีดวัคซีนโควิด ยาอะไรกินได้
สรุปยาที่ไม่ควรกิน หรือปรึกษาแพทย์ก่อน
เตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิดอย่างไร
สำหรับผู้มีโรคประจำตัว
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวก็มีข้อปฏิบัติต่อไปนี้ ก่อนเข้ารับวัคซีน
1. รับประทานยารักษาโรคประจำตัวตามปกติ เพื่อป้องกันอาการกำเริบ ไม่ควรหยุดยาเองถ้าแพทย์ไม่ได้แนะนำ หรือหากไม่แน่ใจว่าควรหยุดยาดีหรือไม่ ให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลอาการอยู่
2. ผู้ป่วยที่สามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ต้องมีอาการคงที่และควบคุมได้แล้ว หากมีอาการที่ยังไม่เสถียร เป็นอันตรายต่อชีวิต หรือยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน และให้แพทย์เป็นผู้ประเมินอีกครั้ง
3. กรณีมีไข้ ไม่สบาย ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้เลื่อนวันมาฉีดวัคซีน เพราะร่างกายอาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่
4. พักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบายก่อนจะมาฉีดวัคซีน
5. ดื่มน้ำให้มาก งดเครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
6. รับประทานอาหารตามปกติ สามารถดื่มชา-กาแฟได้ ถ้าเป็นคนที่ดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ค่อยได้ดื่มชา-กาแฟ ก็ไม่ควรดื่มก่อนมาฉีดวัคซีน
7. ในวันฉีดวัคซีนต้องแจ้งข้อมูลต่อไปนี้ให้แพทย์ทราบขณะซักประวัติ
ทั้งนี้ หลังจากฉีดวัคซีนแล้วให้นั่งพักสังเกตอาการ 30 นาที ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง รู้สึกหนาวสั่น หายใจไม่ออก ตาพร่า มีอาการชา ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที แต่ถ้าไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ให้กลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน และรับประทานยาโรคประจำตัวได้ตามปกติ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย, เฟซบุ๊ก ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า, สถาบันประสาทวิทยา, สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย, วิทยาลัยเภสัชบำบัดแห่งประเทศไทย (1), (2) thaibcp.pharmacycouncil.org, ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, เฟซบุ๊ก Drama-addict, สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค (1), (2), ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง โดย สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย, Spring, เฟซบุ๊ก นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า อายุรแพทย์ระบบประสาท, เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha (1), (2), Thai PBS
This website uses cookies.