Football Sponsored
Categories: ฟีฟา

‘เบลเยียม’เช็คจอมทัพอัดหมีขาว ‘เบล’นำเวลส์เตะนาฬิกา-‘โคนม’ปึ้กลุ้นเฮนัดแรก – หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Football Sponsored
Football Sponsored

วันเสาร์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 ประจำวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายนนี้ มีการดวลแข้งกัน 3 คู่ โดยมีทีมเต็ง 3 และอันดับ 3 จากบอลโลกหนล่าสุดอย่าง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ลงสนามด้วย ซึ่งปรีวิวทั้ง 3 เกมมีดังนี้

เวลา 20.00 น.เวลส์ – สวิตเซอร์แลนด์ : รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่ม เอ “มังกรแดง” ทีมชาติเวลส์ ที่สร้างเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทีมชุดนี้คุมทัพโดย ร็อบ เพจ ที่เข้ามาทำงานแทนที่ของ ไรอัน กิ๊กส์ ที่มีปัญหาส่วนตัวต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจากกรณีไปทำร้ายร่างกายแฟนสาว บรรดาแกนหลักที่มีต่างเรียกเข้ามาติดทีมกันครบ คาดว่าจะใช้ระบบ 3-4-3 มี โจ โรดอน แนวรับจาก สเปอร์ส เป็นหัวใจในแนวรับ ส่วนแดนกลางใช้ แอรอน แรมซีย์ขับเคลื่อนเกม ขณะที่แนวรุกนำทัพโดยแกเร็ธ เบล ตัวดังนำทัพเล่นร่วมกันกับแดเนี่ยล เจมส์ และแฮร์รี่ วิลสัน

ทางฝั่งของ “แดนนาฬิกา”สวิตเซอร์แลนด์ ที่ยังคงทัพโดย วลาดิเมียร์ เพ็ทโควิช เหมือนเดิม เรียกผู้เล่นที่ผลงานดีเข้ามาติดทีมจากหลายลีกใหญ่ในยุโรปที่มี เซอร์ดาน ชากิรี่ แนวรุกหุ้นมะขามครึ่งข้อจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เป็นกำลังหลัก คาดว่าจะใช้ระบบหลัง 3 มี นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อคานจี และฟาเบียน แชร์ คุมแนวรับ แดนกลาง กรานิต ชาก้า จะยืนคู่กันกับ เรโม่ ฟรอยเลอร์ หรือ เดนนิสซากาเรีย โดยมี เซอร์ดาน ชากิรี่ ปั้นเกมรุกอยู่หน้าคู่หัวหอก มาริโอ กาฟราโนวิช และแฮริส เซเฟโรวิช

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เวลส์ (3-4-3): แดนนี่ วอร์ด, คริส เมฟาม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์, คอนเนอร์โรเบิร์ตส, แอรอน แรมซีย์, โจ มอร์เรลล์, รีหส์นอร์ริงตัน-เดวีส์, แกเร็ธ เบล, แฮร์รี่ วิลสัน และแดเนี่ยล เจมส์

สวิตเซอร์แลนด์ (3-4-1-2): ยานน์ซอมเมอร์, นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อคานจี,ฟาเบียน แชร์, เควิน เอ็มบาบู, กรานิตชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์, ริคาร์โด้ โรดริเกซ, เซอร์ดาน ชากิรี่, มาริโอ กาฟราโนวิช และแฮริส เซเฟโรวิช

เวลา 23.00 น. เดนมาร์ก – ฟินแลนด์ : นัดแรก กลุ่ม บี “โคนม” เดนมาร์ก คุมทัพโดย แคสเปอร์ ยูลมันด์ ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายด้วยการเป็นอันดับ 2 ด้วยสถิติ ชนะ 4 เสมอ 4
ไม่แพ้เลย ขุมกำลังชุดนี้ถือว่าน่าสนใจพวกเขาลงเล่นอุ่นเครื่องด้วยการเสมอกับทีมแกร่งอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี 1-1 และชนะ บอสเนียฯ 2-0 แนวรับ ซิมง เคียร์ ที่เป็นกัปตันทีมจะถูกวางเป็นตัวยืนส่วนคนที่จะมาคู่ด้วย น่าจะเป็น อันเดรียส คริสเตนเซ่น มากกว่า ยานนิค เวสเตอร์การ์ด มีการถอยดาเนี่ยล วาสส์ ลงมาเป็นแบ๊กขวา ส่วนแผงกลางถือว่าแน่นปึ้กมี โธมัส เดลานีย์ คู่กับปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค โดยมี ยุสซุฟ โพลเซ่น, คริสเตียน เอริคเซ่น และมาร์ติน เบรตเวธ ทำเกมรุกอยู่ด้านหลังหน้าเป้าอย่าง โยนาส วินด์

ทางฝั่ง ฟินแลนด์ ที่ผ่านเข้ามาเล่นยูโรรอบสุดท้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มีนายประตู ลูคัส ฮราเด็คกี้ จากเลเวอร์คูเซ่น เฝ้าเสา แดนกลางใช้ ทิม สปาฟ มิดฟิลด์มากประสบการณ์คุมเกมร่วมกับ เกล็นคามาร่า จากเรนเจอร์ส โดยมี ตีโม ปุ๊กกี้ เป็นตัวความหวังในการพังประตู ส่วนคนที่จะมาเล่นด้วยต้องเลือกระหว่าง โรบิน ร็อด หรือ มาร์คัส ฟอร์สส์

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เดนมาร์ก (4-2-3-1): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ดาเนี่ยล วาสส์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมง เคียร์, โยอาคิม เมห์เล่, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, โธมัส เดลานีย์, ยุสซุฟ โพลเซ่น,คริสเตียน เอริคเซ่น, มาร์ติน เบรตเวธ และโยนาส วินด์

ฟินแลนด์ (3-5-2): ลูคัส ฮราเด็คกี้,พอลลุส อราจูรี่, ยูนา ตอยวิโอ, แดเนี่ยล โอชอจห์เนสซี่, นิโคไล อัลโฮ, เกล็น คามาร่า,ทิม สปาฟ, โยนี่ เคาโก้, ตีมู ปุ๊กกี้ และมาร์คัส ฟอร์สส์

เวลา 02.00 น. เบลเยียม – รัสเซีย : คู่บิ๊กแมทช์ประจำกลุ่มบี “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ที่ถูกยกให้เป็นเต็ง 3 คุมทีมมาโดย โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เทรนเนอร์ชาวสเปน เหมือนเดิม แต่ปัญหาใหญ่คือต้องรอเช็คสภาพความฟิตของ 3 แกนหลัก นั่นก็คือ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งผ่าตัดเล็กหลังจากกระดูกแตกที่จมูก, โหนกแก้ม และเบ้าตา จากนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก, เอแด็น อาซาร์ ที่กลายเป็นนักบอลขี้โรคนับตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับ เรอัลมาดริด และ อักเซล วิสเซล กองกลางที่ทั้งฤดูกาลแทบจะไม่ได้ลงเล่นกับดอร์ทมุนด์

มาร์ติเนซ จะยึดแผนเดิม นั่นคือ 3-4-2-1 ยูรี ตีเลมานส์ ที่ฟอร์มกำลังสดจากเลสเตอร์ คุมแดนกลางร่วมกับ เลอันเดอร์เดนดองเกอร์ ขณะที่วิงสองฝั่งนั้น ยานนิค การ์ราสโก้ ที่เล่นวิงแบ๊กซ้ายอย่างลงตัวจนได้แชมป์ลา ลีกา กับ แอตฯมาดริด จะได้เล่นค่อนข้างแน่ ส่วนแนวรุก ถ้า เอแดน ลงไม่ได้ ธอร์ก็อง น้องชายจะได้ประสานงานกับ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และโรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวที่เป็นแชมป์เซเรีย อา กับอินเตอร์

ทางฝั่ง “หมีขาว” ใช้บริการของ สตานิสลาฟ เชอร์เชชอฟ คุมทัพเหมือนเดิมแต่ทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากศึกฟุตบอลโลก 2018 ไปพอสมควร ไม่มีจอมทัพอย่าง อลัน ซาโกเยฟ รวมไปถึง เฟดอร์ สโมลอฟ สายเลือดใหม่ขึ้นมาค่อนข้างเยอะ แต่ยังมีตัวเก๋าอย่างอาร์เต็ม ซูบ้า ประครองน้องๆ เล่นระบบ 3-4-2-1 มีโรมัน ช็อบนิน คุมแดนกลางร่วมกับ มาโกเหม็ด ออซโดเยฟ เกมรุกใช้ อเล็กเซย์มิรานชุค ประสานงานกับ อเล็กซานเดอร์โกโลวิน พร้อมมี “สิงห์รถบรรทุก” อาร์เต็ม ซูบ้า เป็นตัวจบสกอร์

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เบลเยียม (3-4-2-1): ตีโบต์ กูร์กตัวส์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เจสัน เดนาเยอร์, แยน แฟร์ตองเก้น, โธมัส มูนิเยร์, ยูรี ตีเลมานส์,เลอันเดอร์ เดนดองเกอร์, ยานนิค การ์ราสโก้,ธอร์ก็อง อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และโรเมลู ลูกากู

รัสเซีย (3-4-2-1): แอนทอน ชูนิน,อันเดรย์ เซเมนอฟ, จอร์จี้ ชิคีย่า, ฟียาดอร์ คูดริชอฟ, วยาเชสลาฟ คาราวาเยฟ, โรมัน ช็อบนิน, มาโกเหม็ด ออซโดเยฟ, ดาเลอร์ คุซยาเอฟ, อเล็กเซย์ มิรานชุค, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน และอาร์เต็ม ซูบ้า

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.