องค์กรลูกหนังโลกจะทบทวนการใช้กฎแฟร์เพลย์หลังจบเวิลด์คัพ แต่เบื้องต้นรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
คอลิน สมิธ ผอ.ฝ่ายจัดการแข่งขันของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เผย พวกเขาจะทำการทบทวนกฎแฟร์เพลย์หลังจบฟุตบอลโลก 2018 หลังเซเนกัลมีอันต้องกระเด็นตกรอบจากกฎข้อนี้
กฎข้อนี้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกเพื่อหาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ในกรณีที่สองทีมในกลุ่มมีคะแนนเท่ากัน, ผลบวกประตูได้เสียเท่ากัน, ยิงประตูได้เท่ากัน และสถิติเฮดทูเฮดเท่ากัน
ปรากฎว่ามันถูกนำมาใช้จริงทันทีในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เมื่อญี่ปุ่นกับเซเนกัลมี 4 คะแนนเท่ากัน, ผลบวกประตูได้เสีย +0 เท่ากัน, ยิงได้ 4 ประตูเท่ากัน และสถิติเฮดทูเฮดเท่ากันทุกอย่างจากการเสมอกัน 2-2 ดังนั้นจึงต้องใช้กฎแฟร์เพลย์หาทีมเข้ารอบ
และเป็นขุนพลซามูไรที่ได้เฮผ่านเข้ารอบ 16 ทีม เพราะพวกเขาสะสมใบเหลือง 4 ใบ ส่วนเซเนกัลสะสมใบเหลือง 6 ใบ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ประปรายที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้
ข่าวอื่นๆ | ติดตามข่าว ฟุตบอลโลกเพิ่มเติมที่นี่
OPTA – สถิติผู้เล่น | สถิติทีม
เปิดโผรายชื่อนักเตะ 32 ชาติลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ลูกฟุตบอลเวิลด์คัพ : จากแทงโก้สู่จาบูลานี
World Cup 2018 Stadiums: ส่อง 12 สนามฟุตบอลโลกที่รัสเซีย
STAY TUNED WORLD CUP : ตารางถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018
ล่าสุดตัวแทนของฟีฟาชี้แจงว่าจะมีการทบทวนกฎแฟร์เพลย์หลังจบบอลโลก แต่เบื้องต้นรู้สึกพอใจและไม่คิดว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“เราจะประเมินกฎข้อนี้หลังจบทัวร์นาเมนต์ แต่ตอนนี้เราไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร” สมิธ กล่าว
“กฎนี้มันดีกว่าการจับสลากเพื่อตัดสินทีมเข้ารอบ ก่อนมาถึงตรงนี้ทีมที่ผ่านเข้ารอบจะตัดสินด้วยประตูและผลการแข่งขันที่ชัดเจนอยู่แล้ว”
“กฎแฟร์เพลย์คือเกณฑ์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาและมันก็ชัดเจนมาก ๆ”
This website uses cookies.