สู่พื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก – สยามกีฬา

เจอร์เก้น คลอปป์ บอกว่า เกมกับเบิร์นลีย์ คือรอบรองชนะเลิศนัดสุดท้ายกับคริสตัล พาเลส คือรอบชิงชนะเลิศด้วยเป้าหมายคือไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้า

แน่นอนครับจาก 10 วันที่แล้วก่อน “แดงเดือด” ลิเวอร์พูล ไม่ได้มีความหวังในการไปแชมเปี้ยนส์ ลีกมากขนาดนี้ เพราะมันไม่ได้อยู่ในการควบคุมชะตากรรมตัวเอง มันขึ้นกับทีมคู่แข่งจะพลาดให้หรือเปล่า 

วันที 8 พ.ค. ชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 อยู่ที่ 6 

แต้มสูงสุดสำหรับเชลซีที่เหลือคือ 74

แต้มสูงสุดของเลสเตอร์ คือ 73

แต้มสูงสุดหงส์แดงกับ 12 คะแนนที่มีอยู่จะได้แค่ 69

ยืนพื้น 69 เท่ากับต้องลุ้นให้เชลซีและเลสเตอร์ พลาด 

อาการ “ยืมจมูก” คนอื่นหายใจในเชิงสถิติ นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนพ.ค. ที่ลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นผู้ควบคุมพื้นที่ช.ป.ล

วันนี้ “เด็กหงส์” เป็นผู้กำหนดชะตาแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยตัวเอง

หลังจากเชลซีพลาดท่าแพ้อาร์เซนอล

ทีมถล่มแมนฯยูไนเต็ดในแดงเดือด 

เชลซีกับเลสเตอร์ ตัดแต้มกันเอง ซึ่งเชลซีได้ชัยชนะ

นั่นเท่ากับว่า…อย่างแย่สุดคือ “นับผลต่างประตูได้เสีย” กับเลสเตอร์

แล้วในเกมที่ 37 ของซีซั่น ถ้าเก็บเบิร์นลีย์ ได้ ขึ้นที่สี่ก่อนเลย

ปล่อยให้เลสเตอร์ ไปเครียดกับสเปอร์ส เกมสุดท้าย

เชลซีก็บุกเยือน แอสตัน วิลล่า ก็เป็นงานไม่ง่าย

มีนัดชิงช.ป.ล ให้ โทมัส ทูเคิล ขบคิด ห่วงหน้าพะวงหลัง

ทุกอย่างเป็นใจให้ลิเวอร์พูล …

มันอยู่ที่พวกเขาเอง…ยิ่ง อ.เบคเกอร์ โหม่งให้ทีมได้สามแต้มแบบนั้น

หลายคน “เชื่อว่า” มันคือประตูที่ส่งหงส์แดงไปแชมเปี้ยนส์ ลีก

เดอะ ค็อป คิดเช่นนั้นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผม

กระนั้น…เยือนเบิร์นลีย์ รับมือพาเลส 

ไม่ต้องสนใจใคร “ชนะให้ได้” คือไปช.ป.ล แน่

ผมไม่คิดว่าจะต้องนับประตูได้เสีย 

นั่นคือสถานะการณ์ก่อนลงสนามพบเบิร์นลีย์ 

มาสรุปสถานะการณ์ของเกม “ครึ่งแรก”

1 แนตและรีส 

ก่อนเกมสงสัยกันว่า เอ๊ะ เจเค จะขยับ ฟาบินโย ไปยืนหลังหรือไม่ เพราะวันที่เฉือนเวสต์บรอมสุดมหัศจรรย์นั้น คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ออกทะเลกับกองหน้าทีมที่ตกชั้นไปแล้ว 

ต้องยอมรับว่า ใจสู้ ทุ่มเท แต่ จังหวะจะโคน ยังไม่ชัวร์ โดยเฉพาะ รีส

ช่วงครึ่งหลัง เจเค ต้องถอย ฟาบินโย ไปยืนเซนเตอร์ แทน รีส ….

เกมนี้เปิดตัวออกมา ยังคงใช้คู่เด็กอยู่ แน่นอน เบิร์นลีย์ มี คริส วูด ตัวสูงใหญ่ ไว้คอยโหม่งสู้ หากเจอบอลไดเรกต์​หรือ ลูกตั้งเตะ การจัดตัวก็เป็นแบบที่แฟนบอลคาดการณ์เพียงแต่แดนกลาง ส่ง จีนี ที่น่าจะพักเต็มที่ ลงมาลุย เพราะแนวคิดการเล่นไม่มีทางเลือก คอนโทรลเกม บุกเข้าหาเบิร์นลีย์ และต้องแย่งบอลจังหวะสองกับแดนกลางของ ชอน ไดส์ ด้วย 

ปัญหาของ แนต กับ รีส นอกจากกระดูกบอลแล้ว “การอ่านเกม” , “การออกบอล” เพื่อบิลด์ อัพขึ้นเกมรุก ยังไม่ดี เตะกับเบิร์นลีย์ สองนาที ออกบอลพลาด คนละครั้ง 

พอเล่นไปจะมีจังหวะเหวอๆ ให้เห็น เกือบเสียประตูสองครั้ง…ใน 15 นาทีแรก

อืม…แก้ขัด พอเข้าใจ 

แต่เชื่อว่าแฟนบอลคงเข้าใจแล้วนะครับว่าทำไม คลอปป์ ไม่ใช้ เซนเตอร์อาชีพ วัยรุ่นตั้งแต่แรก เพราะมันไม่ชัวร์ไงครับ  แนต ฟิลิปส์ นะพอได้ แต่ รีส ยังไม่ผ่าน 

3 ลูกโด่งสร้างปัญหา

เบิร์นลีย์ ก็เล่นแบบนี้ สาดยาวไปข้างหน้า มีโอกาสวางข้ามหัวคู่เซนเตอร์

รีส มีปัญหาเยอะหน่อยปล่อยบอลข้ามหัวเฉย เกือบเสียประตูละ ดี คริส วูดยิงไม่ดีเอง

คือเบิร์นลีย์ จะเพรสแดนบนเมื่อ เบคเกอร์​บิลด์อัพกับคู่เซนเตอร์

ถ้าหงส์ครองบอลบุกเข้ามาได้ ถอยรับลึกให้แน่นเลย 

มาหลายครั้ง หวาดเสียวทุกเทียวไป 

4 บอลสองเป็นรอง

ที่น่าสนใจคือแดนกลางของลิเวอร์พูล เก็บบอลสองเป็นรอง เบิร์นลีย์

จังหวะโหม่งบอลเก็บตก บอลจังหวะสอง จะเป็นของเบิร์นลีย์ ซะเป็นส่วนใหญ่ 

ทำให้หลายครั้งต้องกลับมาตั้งรับและนำไปสู่บอลไดเรกต์ ที่เบิร์นลีย์ ลุ้นประตูได้

ครึ่งแรก ฟาบินโย เสียบอลง่ายๆเลย 

ได้จีนี คอยแย่งบอล กับ ติอาโก คุมเกมได้

5 เปลืองมาก…แต่ได้

ช่วงห้านาทีแรก ซาลาห์, มาเน ได้ยิงจะๆในเขตโทษ

มาเน นี้ สองหลาเอง สกัดออกไปเฉย เทร้นต์ เลยอดได้แอสซิสต์ 

ฟีร์มีโน ยิงออกไปเอง

ติอาโก จ่อๆ  6 หลายิงออก หลังทำชิ่งกับ ซาลาห์จากนั้น ซาลาห์ เข้าเขตโทษ ยิงข้ามคาน

นี่คือ  big chances ที่ต้องได้

จนถึงนาทีที่ 43 การประสานงานของ มาเน – รอบโบ 

ก่อนตวัดเข้าไปแถวจุดโทษ ฟีร์มีโน วิ่งมาแป นอร์ริส ประตูเบิร์นลีย์ เหยียดเท้าเซฟ แต่บอลปลิ้นเข้าประตูไป

ยิง 13 ครั้ง โอกาสทอง6 เข้ากรอบ 1 

คือประตูขึ้นนำนั้นเอง 

6 ติอาโก “คลาส”

เกมนี้เขาคุมจังหวะของเกม…ได้ดีเหลือเกิน

ให้บอลง่าย จ่ายบอลแม่น 

จังหวะเล่นหนึ่งสองกับ ซาลาห์ เขาหลุดเข้าไปยิง หลุดกรอบ

ไม่ค่อยเห็นแดนกลางหงส์แดงจะสร้างสรรค์อะไรแบบนี้

นอกจากนี้ การให้บอล ทั้งแนวลึก และด้านกว้าง แม่น มีเป้าหมาย

นี่คือ ติอาโก ที่เราเห็นและคาดว่าเขาจะทำได้ตั้งแต่แรก 

ถ้าไม่เจ็บไปก่อน

ตอนนี้ “คลาส” ของเขาแสดงออกมาแล้ว 

ครึ่งแรกจบแบบอึดอัด เพราะใช้โอกาสเปลือง แต่ยังได้ประตูนำ ตามที่ต้องการ

ขนาด สตีฟ แมกมานานมา ยังบอกว่า “กี่เกมมาแล้วที่ ใช้โอกาสเปลืองกัน

สถานะการณ์ครึ่งหลัง…ไม่มีอะไรมาก เพราะเกมเป็นของลิเวอร์พูล

แถมขึ้นนำ 2-0 จากคนที่คุณไม่คิดว่าเขาจะยิงได้ 

ส่วนลูกสามก็เช่นกันจาก อ๊อกส์เลด แชมเบอร์เลน ยิงคมกริบ

ทั้งสามประตูมาจากการยิง 20 ครั้ง

เข้ากรอบ 3ครั้งเป็น 3 ลูก 

**ลูกโหม่งของ แนต

ประตูแรกในชีวิตการเล่นให้ลิเวอร์พูล มาจากการโหม่งนั่นเอง

สงสัยได้พลังจาก เบคเกอร์ …5555 

ขึ้นโขกลูกชิพของ มาเน จากเส้นหลังเข้ามา

ทำให้ทีมนำ 2-0 ในนาทีที่ 52 …

นี่คือเข้ากรอบครั้งสองได้ลูกที่สอง 

แถมตัว แนต เอง ยังโหม่งสกัดจากเส้นช่วยให้ทีมไม่เสียประตู

สิ่งสำคัญคือมันเป็นผลต่างที่บวกเพิ่ม 

*ครั้งแรกที่ชนะรวด 4 เกม

จากชนะเซาธ์, แมนฯยูฯ, เวสต์บรอม และ เบิร์นลีย์

นี่คือการชนะสี่เกมติดต่อกันครั้งแรกในฤดูกาลครับ

ก่อนหน้านี้ ทำดีสุดคือสามเกมแรก 1-2-3 ที่ชนะรวดสามนัด

นับจากนั้น ชนะสองนัดแล้วหยุดเสมอ หรือแพ้ 

ไม่เคยมีช่วงเวลาทอปฟอร์มชนะรวดอะไรแบบนี้มาก่อน

โอเค มาเกิดขึ้นในช่วงสำคัญ…ถือว่าเป็นผลบวกทางจิตวิทยา

เอาละครับ…สถานะการณ์หลังจบนัดนี้

อันดับ 3 เชลซี 67 (+23)
 (ย) วิลล่า

อันดับ 4 ลิเวอร์พูล 66 (+24)
(ห) คริสตัล พาเลส

อันดับ 5 เลสเตอร์ 66 (+20)
(ห) สเปอร์ส

ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งใคร

นัดสุดท้ายเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอล 9,500 คน

รับมือคริสตัล พาเลส

ไม่ยากแต่ไม่ง่ายและประมาทไม่ได้

นัดนี้คุณให้ใคร แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 

ส่วนตัวเลือกยากครับผมให้  2 men of the match ละกันครับ