ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้าน รับมือ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ศึกนี้จะออกหัวหรือก้อย ขุมกำลังใครมีดีกว่ากัน นัดนี้เทียบกันไปเลย
ศึกพรีเมียร์ลีกคู่ไฮไลท์ของอาทิตย์นี้ต้อง ยกให้คู่ ลิเวอร์พูล ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่นัดนี้ ทั้งคู่จะต้องมาดวลกันใน วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมนี้ เวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม แอนฟิลด์ ซึ่งสามารถชมได้ทางช่อง True Premier Football 1 , True Premier Football 2 เกมนี้ใครจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ แฟนบอลของทั้งสองทีมอย่าได้พลาดเด็ดขาด
ศึกนี้ถือเป็นเกมที่มีความหมาย และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อทั้ง 2 ทีม ทั้งในแง่ของศักดิ์ศรี และเรื่องของอันดับในตารางคะแนน ทั้งนี้บรรยากาศในการแข่งจะดุเดือดเผ็ดร้อนขนาดไหน เราขอวิเคราะห์ ให้เห็นกันแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งไป ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมกันเลย
เกมนี้เชื่อว่าทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” คงไม่ต้องตัดสินใจอะไรให้ยุ่งยาก โดยจะใช้มือหนึ่งอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาเหมือนเดิม ขณะที่ฝั่งของทัพ “เรือใบสีฟ้า” เป๊ป กวาดิโอล่า คงไม่พ้นใช้งาน เอแดร์ซอน ที่ยึดตัวจริงมาโดยตลอดมาลงมาเป็นตัวจริงเช่นเคย
จะว่าไปแล้วตำแหน่ง ผู้รักษาประตู ถือเป็นตำแหน่งที่ทั้ง 2 ทีม มีความแข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ อีกทั้งทั้งสองคนยังต้องแข่งขันแย่งกันเป็นตัวจริงให้ทีมชาติบราซิล ด้วย นัดนนี้อาจจะเป็นนัดตัดสินให้กุนซือ ทีมชาติบราซิล ได้มองฟอร์ม และกาตัวเลือกในใจให้เฝ้าเสาให้กับทัพทีมชาติก็เป็นได้
โดยทั้งนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ผ่านมาถือว่าฟอร์มคงที่ทรงตัว เก็บคลีนชีทได้ไม่ได้เยอะเพราะเจอปัญหาผู้เล่นในทีมบาดเจ็บเยอะ จึงต้องรับบทบาทการทำหน้าที่เซฟประตูบ่อยครั้งจน มาซึ่งการเสียคลีนชีทนั่นเอง
ส่วนฝั่ง เอแดร์ซอน มีผู้เล่นที่ไว้ใจได้ ช่วยให้เจ้าตัวไม่ต้องออกแรงเซฟมากมายมายนักในเวลานี้ แต่บางครั้งการออกลูกตัดกลางอากาศ ของเจ้าตัวยังไม่ดีเท่าไหร่ มักเจอปัญหาจากลูกเตะมุม หรือโดนลูกโด่งบ่อยครั้งในการเสียประตู แต่ถ้าลูกแนวพื้นดินยังไว้ใจดูแล้วทั้งคู่สูสีกันเลยทีเดียว
ฟันธง : เสมอกัน
กองหลังสำหรับเจ้าบ้านอย่างทัพ “หงส์แดง” ถือว่าเจอคราวเคราะห์ช้ำกรรมซัดเหลือเกิน มีผู้เล่นบาดเจ็บเยอะมาก โดยตัวหลักที่จะทำหน้าที่คุมเกมแดนหลัง ยังคงต้องฝากในฝีมือ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ที่คาดว่าจะเป็นตัวหักในแผงหลัง โดยจะมี อิบราฮิมา โกนาเต้ ที่จะยืนคู่กันในแผงเกมรับ ส่วนแบ็คทั้งสองข้างจะเป็น คอสตาส ซิมิคาส และ โจ โกเมซ ลงมาทำหน้าที่แทนไปก่อน นั่นทำให้ขุมกำลังแผงหลังดูอ่อนยวบไปเยอะ
เนื่องจากตัวหลักอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พากันเจ็บไปหมด รวมถึง โฌแอล มาติป ด้วย และหาก ขุมกำลังกองหลังของ “หงส์แดง” เจ็บเพิ่มอีกคราวนี้จะเป็นปัญหาใหญ่อย่างมาก เพราะตัวเลือกแทบไม่เหลือให้ใช้งานแล้ว ดูทรงแล้วน่าจะเจอการโหมบุกอย่างหนักจากฝั่งทีมเยือน งานนี้เจ้าถิ่น จะทนได้สักกี่น้ำงานนี้ต้องวัดใจกันหน่อย
ส่วนทีมเยือนทัพ “เรือใบสีฟ้า “ถือว่าเป็นฟอร์มของนักเตะที่ท็อปฟอร์มและคงเส้นคงวาเสมอ อีกทั้งยังขึ้นเกมรุกได้ดี แถมทำประตูก็ได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะ ชูเอา คานเซโล่ ที่มีความสามารถรอบด้านสามารถเล่นวิงแบ็คได้สองฝั่ง เก่งทั้งรุกและรับ และฟอร์มกำลังพีคสุดๆ มักสร้างปัญหาให้คู่แข่งอยู่เสมอ รวมถึงทำประตูให้ทีมได้อีกด้วย ส่วนแบ็คอีกคนอย่าง เซอร์จิโอ โกเมซ ก็สามรถป่วนแนวรับคู่แข่งได้เช่นกัน โดยมีทั้งความเร็ว และความเฉียบคมในการอ่านเกมด้วย
อีกทั้งยังคู่เซ็นเตอร์อย่าง มานูเอล อาคานจี ที่มีความแข็งแกร่งและโชว์ฟอร์มได้ดีจนยึดตัวจริงได้บ่อยครั้งขึ้น บวกกับ รูเบน ดิอาส ก็ยังไว้ใจได้และสามารถพังประตูได้อยู่เรื่อยๆ ถือว่าแผงหลังแข็งแกร่งทั้งรุกและรับของจริง เท่านั้นยังไม่พอตัวสำรองอย่าง นาธาน อาเก้ และ อายเมริก ลาปอร์ต ที่หายเจ็บกับมาพร้อมสแตนบายช่วยทีมเสมอ ถึงแม้ จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ นั้นยังบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ แต่ขุมกำลังขนาดนี้ดูแล้วครบเครื่องเหลือเกิน
ฟันธง : ทัพ “เรือใบ” เกมรับครบเครื่องสุดๆ
เจ้าถิ่น “หงส์แดง” บอกเลยว่ากองกลางของทีมในเวลานี้ดูปวกเปียกไร้ความคิดที่จะสร้างเกมแบบดุดันพาบอลไปข้างหน้าเลย อีกทั้งตัวบาดเจ็บก็เยอะมาก ส่วนตัวหลักก็อายุเยอะ ทำให้ขับเคลื่อนเกมได้ช้า โดยเฉพาะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ช่วงหลังเริ่มโรยราลงทุกที ยังปั้นเกมไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วน ติอาโก้ อัลคันทาร่า ก็ยังไว้ใจได้ แต่ส่วนใหญ่จะหายไปจากอาการบาดเจ็บค่อนข้างเยอะ ส่วนกองกลางที่เป็นตัวยืนให้ทีมก็ยังยกให้ ฟาบินโญ่ ที่ยังเป็นตัวหลักและยังคงมาตราฐานตัวเองได้ดี
ส่วนกองกลางตัวรุกอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ถือว่ายังต้องหาประสบการณ์ต่ออีกสักหน่อย ยังเฉิดฉายได้ยังไม่สุด อีกทั้งตัวสำรองอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ก็ถือว่าอายุมากยืนระยะในเกมยาวๆแทบไม่ไหวแล้ว ดูแล้วงานนี้ต้องอาศัยพระคุ้มครองแล้วว่าจะรอดกับเกมนัดนี้ได้หรือป่าว หากมีใครเกิดเจ็บเพิ่มอีก งานนี้จุกแน่นอน
มาดูฝั่งทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” กันบ้าง บอกเลยว่าขุมกำลังท็อปฟอร์มเหลือร้ายไม่ว่าจะเป็นตัวปั้นเกม ประคองเกม ตัวทำเกมบุกดูแล้วสามารถขับเคลื่อนทีมได้อย่างดี โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์ คนนี้โดดเด่นเหลือเกินและเป็นตัวอันตรายระดับต้นๆของพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ในชั่วโมงนี้ ที่จะมีใครหยุดเขาอยู่ ทั้งนี้ทีมยังมี โรดรี้ ที่แข็งแกร่งในเกมรับ และ สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี
ส่วน แบร์นาโด้ ซิลวา ก็เป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้าทีม “หงส์แดง” เป็นทุนเดิมดูแล้วน่าจะลงมาสร้างความปั่นป่วนให้ปวดประสาทอย่างแน่นอน แค่สามรายชื่อนี่ก็น่ากลัวแล้ว นี่ยังไม่รวมตัวสำรองอย่าง อิลคาย กุนโดกัน และ ริยาด มาห์เรซ ที่สามารถลงมาพลิกเกมได้เสมอ ดูแล้วไม่ว่าทิศทางไหน ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็สู้ไม่ได้เลยจริงๆ
ฟันธง : เรือใบ มาเต็มสูบ
กองหน้าของเจ้าถิ่นทัพ “หงส์แดง” บอกเลยว่ากองหน้าเวลานี้คงต้องฝากความหวังกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนเดิมที่เวลานี้ยังโชว์ฟอร์มไม่ออกในเกมลีกตัวเอง แต่ล่าสุดพึ่งระเบิดฟอร์มแฮทริกให้ตัวเอง ไวที่สุดใน ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ไปหมาดๆ แต่พอในเกมลีก เหมือนคู่แข่งจะอ่านทางออกทำให้เฉิดฉายได้ไม่ดี แถมยังใช้โอกาสเปลืองอยู่เช่นเดิม ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เริ่มมีฟอร์มที่ดีกลับมายิงได้เรื่อยๆ ถือว่าได้ความมั่นใจมากขึ้นพอสมควร
ทั้งนี้ทีมยังได้ ดิโอโก้ โชต้า หายเจ็บกลับมาช่วยทีม แต่ยังต้องเฟ้นฟอร์มเก่งต่อไป แม้ล่าสุดจะส่งบอลให้เพื่อนแฮตทริก ถึง 3 ลูก แต่พอถึงคิวตัวเองยังเบิกสกอร์ไม่ได้เสียอย่างนั้น ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ ยังคงต้องรอพิสูจน์ตัวเองต่อไป เนื่องเจ้าตัวยังสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้ไม่ดี ทำให้ ตอนนี้การเข้าใจเกมยังขาดๆเกินๆ และยังจบสกอร์ได้ไม่เฉียบขาดพอ
ส่วน หลุยส์ ดิอาซ ทีมไม่สามารถใช้ได้ เพราะได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทำให้ต้องพักยาวเป็นเดือนๆ
ส่วนทัพ “เรือใบสีฟ้า” ช่วงนี้ฟอร์มร้อนแรงเกินต้านเหลือร้ายโดยเฉพาะ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่แข็งแกร่งยิงสะเดาเร้าใจแฟนบอลเหลือเกิน โดนขึ้นนำโด่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกไปแล้วในเวลานี้ อีกทั้งพระรองอย่าง ฟิล โฟเด้น ก็ทำผลงานได้อย่างดีมีประตูยิงติดเท้าได้เสมอ แถมมีความเร็ว และการอ่านเกมก็เก่งเกินวัย
เท่านั้นยังไม่พอทีมยังมี แจ็ค กรีลิช นักเตะค่าตัวแพงที่มักถูกตำหนิเสมอกับเรื่องค่าตัว แต่พักหลังเริ่มโชว์เก่งได้เหมือนกันและมีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูก็เยอะอยู่ ส่วนในด้านตัวสำรองมี ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่พร้อมล่าตาข่ายให้ทีมเช่นกัน แม้สวนใหญ่จะนั่งสำรองแต่พอลงมาก็แผลงฤทธิ์ได้ไม่น้อยเลย
หากวัดกันตามศักยภาพแล้ว คงต้องบอกว่า แนวรุกของทัพ “เรือใบสีฟ้า” คุณภาพคับแก้วเหลือเกิน ทั้งความเร็วและความเฉียบคม หากทาง ลิเวอร์พูล ยังปล่อยโอกาสการบุกทำประตูมากไป งานนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เพราะเจ้าถิ่นก็พร้อมพังประตูได้เสมอ
ฟันธง : เรือใบสีฟ้า เหนือกว่าจริงๆ
————————————————-
วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่ – ซิมทรูชมทีมโปรดฟรี!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก
This website uses cookies.