Football Sponsored
Categories: ฟีฟา

ควรได้ไปต่อหรือพอกันที? 5 นักเตะ ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะหมดสัญญาซัมเมอร์นี้

Football Sponsored
Football Sponsored

ขณะที่ ลิเวอร์พูล กำลังตกเป็นข่าวต้องการเซ็นสัญญากับมิดฟิลด์คนใหม่ อย่าลืมว่าพวกเขามีห้านักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้

แต่ใครคนไหนบ้างที่สมควรได้รับการขยายสัญญาให้อยู่รับใช้สโมสรต่อไปอีก?

เป็นที่ลือกันว่า หงส์แดง สนใจคว้าตัว จู๊ด เบลลิ่งแฮม และ มอยเซส ไกเซโด้ มาร่วมชายคาเนื่องจากสโมสรมีผลงานการออกสตาร์ตซีซั่นนี้ที่กระท่อนกระแท่น แต่ขณะเดียวกันก็มีพ่อค้าแข้งบางรายที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงท้ายซีซั่น

และนี่คือการฟันธงว่าทั้งห้าสมควรเก็บเสื้อผ้าย้ายออกจาก แอนฟิลด์ หรือว่าน่าจะได้รับการขยายสัญญาเพิ่มเติม

1.นาบี้ เกอิต้า


ดาวเตะวัย 27 ปีกำลังประสบกับปัญหาบาดเจ็บ และขณะเดียวกันเขาก็ไม่ติดอยู่ในโผ 11 คนแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน

แน่นอนว่ากองกลางทีมชาติ กินี พร้อมต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ออกไปอีกแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องได้รับการการันตีถึงการเป็นนักเตะคนสำคัญของสโมสร

ถึงขณะนี้เป็นที่ระบุว่า หงส์แดง กำลังพิจารณาถึงอนาคตของ เกอิต้า โดยพร้อมเสนอสัญญาใหม่ให้กับเขาอีกหนึ่งหรือสองปี แต่ในทางกลับกันสื่อลูกหนังกล่าวอ้างว่ามีหลายสโมสรสนใจดึงตัวดาวเตะแอฟริกันไปเสริมทัพ

ฟันธง : จากสถิติอาการบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ไม่อาจหวังพึ่งเขาได้มากพอแม้เจ้าตัวอาจมีช่วงเวลาที่โชว์ฟอร์มได้ดี ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จึงน่าจะคว้ากองกลางคนใหม่มาเสียบแทน หรือไม่ก็เลือกใช้งานนักเตะหนุ่มในทีมยังจะดีซะกว่า

2.โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่


หลังย้ายมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2015 บางทีมันน่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่ดาวยิงทีมชาติ บราซิล จะได้อำลาทีม ลิเวอร์พูล อย่างสมบูรณ์แบบ

ถึงขณะนี้ ฟีร์มิโน่ ได้แชมป์กับ หงส์แดง อย่างครบถ้วนกระบวนความแล้วหลังจากเป็นคีย์แมนของสโมสรมานานเจ็ดปี และเหมือน เร้ด แมชีน วางแผนแยกทางกับพ่อค้าแข้งชาวเมืองกาแฟเอาไว้แล้วเช่นกัน

ดังจะเห็นว่าสโมสรฉุด ดาร์วิน นูนเญซ มาเสริมทัพต่อจาก ดีโอโก้ โชต้า ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาพร้อมบอกลาหนึ่งในนักเตะคนโปรดของกองเชียร์ เดอะ ค็อป หลังจบซีซั่น

ฟันธง : เมื่อพิจารณาถึงอายุในวัย 30 ปี ประกอบกับฝีเท้าที่ตกลงไปในสองปีหลัง มันย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ ฟีร์มิโน่ จะย้ายทีมแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

3.เจมส์ มิลเนอร์

เท่าที่ผ่านมา คล็อปป์ ใช้บริการจาก มิลเนอร์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ในหลายๆตำแหน่งจนทำให้เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของสโมสรอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดหลังจากดาวเตะอิงลิชตัดสินใจย้ายมาจากทีม แมนฯ ซิตี้

ปัจจุบันในวัย 36 ปี จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่อยู่ในโผ 11 คนแรกของสโมสรสำหรับเกมบิ๊กแมตช์อีกต่อไปแม้จะว่าไป มิลเนอร์ ซึ่งเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลาง และฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งจะมีสภาพร่างกายที่ฟิตกว่าดาวเตะรุ่นน้องหลายรายก็ตาม

ฟันธง : ด้วยอายุปูนนี้ น่าจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องยุติธรรมดีหากเขาจะต้องย้ายออกจาก แอนฟิลด์ แต่ในฐานะที่เป็นเหมือนอะไหล่ชั้นยอด บางที คล็อปป์ อาจเลือกต่อสัญญาให้กับเขาอีกปีเหมือนกับ เกอิต้า ก่อนจะตัดสินใจแยกทางกันอย่างเด็ดขาด

4.อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน

เข้าข่ายนักเตะที่ล้มหมอนนอนเสื่อบ่อยกว่าการลงสนามในลำดับต้นๆของวงการ และแม้จะเรียกความฟิตกลับคืนมาได้ก็ไม่ได้รับโอกาสให้ลงบู๊มากพอ

ในฐานะกองกลางตัวเลือกอันดับท้ายๆของทีม เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องบอกว่าเวลาของเขากับ ลิเวอร์พูล ยุติลงแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสโมสรมีทั้ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ให้เลือกใช้งานก่อนหน้า

ถึงขณะนี้ สตาร์วัย 28 ปียังรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง และไม่น่าจะมีอนาคตกับสโมสรอีกต่อไปแล้ว

ฟันธง : ได้ลงเล่นน้อยมากในระยะหลัง จึงสมควรแก่เวลาที่ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน จะต้องมองหาอู่ข้าวอู่น้ำใหม่เพื่อโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นหากว่าสภาพร่างกายของเขายังพอจะไปได้หลังตกเป็นข่าวลือกับ แอสตัน วิลล่า และ เวสต์แฮม เมื่อช่วงซัมเมอร์

5.อาเดรียน

เป็นที่ชัดเจนว่า อาเดรียน มีตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูมือสามของสโมสรรองจาก อลิสซง และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ซึ่งทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงเล่นในช่วงหลัง

อย่างไรก็ดี ในวัย 35 ปี นายทวารเลือดกระทิงดุยังไม่ถึงวัยที่จะต้องรีบแขวนถุงมือ และยังสามารถย้ายไปเฝ้าเสาให้กับทีมที่เล็กลงไปกว่า เร้ด แมชีน ได้อย่างสบายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายกลับสู่แผ่นดินเกิดอย่างที่เจ้าตัวเปรยออกมาว่าตั้งใจเอาไว้แล้ว

ฟันธง : ในเมื่อมี เคลเลเฮอร์ ยืนขวางหน้าอยู่ อาเดรียน จึงหมดสิทธิ์ทวงตำแหน่งนายทวารตัวสำรองของสโมสรกลับคืนไปอย่างแน่นอน และมันย่อมดีกว่าหากเขาจะย้ายไปต่อเติมอาชีพนักเตะกับที่ไหนสักแห่ง

ที่มาของภาพ : gettyimages.ae

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.