คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ครั้งแรกปี1908 หรือ 114 ปีที่แล้ว
แชมป์คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะทีมแชมป์สมัครเล่น คิวพีอาร์ นัดรีเพลย์ 4-0
ปีที่114 เตะกันที่คิง พาวเวอร์ บ้านของเลสเตอร์
เอียน รัช และ ไมค์ ซัมเมอร์บี ปีกขวาตำนานแมนฯซิตี้ ลงมาร่วมทักทายนักเตะสองทีม ก่อนลงเล่นเกม
หลังจากผมปล่อยคลิปวิพากษ์ก่อนเกมแมนฯซิตี้-ลิเวอร์พูล ออกไป มีแฟนานุแฟนอินบ๊อกส์ มาแซวว่า “จัดตัว” เหมือนนั่งในใจโค้ช เพราะเป๊ะทุกตำแหน่งทั้งสองทีมเลยทีเดียวเชียว
อ่า…ไม่ขอclaim เรื่องนี้ ว่าไปตามสถานการณ์ซะมากกว่า ก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะถูกทุกตำแหน่งเสมอไป และมันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญนอกเหนือไปจากวิธีการเล่นของสองฝั่งหลังจากเป๊ปและ เจเค วางแผนเอาไว้แล้วนั่นเอง
ประเด็นก่อนเกม…เห็นมีการทำภาพกราฟฟิก ดาร์วิน ปะทะ ฮาแลนด์ นั่นอาจเป็นการเข้าใจผิดอย่างแรงด้วยส่วนหนึ่ง เพราะแนวทางของเป๊ป และ เจเค แตกต่างกันเรื่องนักเตะใหม่ที่ซื้อมาให้ฮือฮาไปทั่วโลก
แน่นอนเรารอดู ฮาแลนด์ ปะทะ ดาร์วิน เพียงแต่ใครได้โอกาสมากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง และพอได้โอกาสลงสนามจะทำอะไรได้บ้าง และคงไม่ใช่เรื่องชี้วัดแค่บอลนัดเดียวในยุคโซเชียลที่ตัดสินคนง่ายไป
ถ้าเป็นยุคไม่มี โซเชียล แล้วหากมีใครมาตัดสินนักเตะแค่นัดเดียว จะโดนมองด้วยสายตาดูหมิ่นประหนึ่งว่า “ดูบอลเป็นมั้ย”
โอเค….ศึกชิงโลห์ ที่เป็นการอุ่นเครื่องลองเชิงของคู่ลุ้นแชมป์ ออกมาแบบไหน
การจัดตัว “เน้น” ทั้งคู่
เป๊ป ส่ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ลงตัวจริงเพราะนี่คือเกมอุ่นเครื่องเกมที่สามหลังเก็บตัวช้ากว่าเพื่อนถึงหนึ่งสัปดาห์ ที่เหลือคือนักเตะที่นำไปอเมริกาด้วยกัน และฟิตเปรี๊ยะ ทุกคน ส่วนที่อยู่อังกฤษมีชื่อสำรอง เพราะไงเปลี่ยนตัวได้อย่างอิสระตามชอบ
เอแดร์ซอน ; วอล์คเกอร์, ดิอาส-อาเก้, กานเซโล ; โรดริ, เดอ บรอยน์, แบร์นาโด ซิลวา ; มาห์เรซ, ฮาแลนด์, กรีลิช
ส่วนเจเค ก็เน้นเช่นกันเต็มสูบเลย เว้น อาเดรียน ลงตัวจริง และ ดาร์วิน นั่งดูไปก่อน
อาเดรียน ; เทรนต์, ฟานไดค์-มาติป, รอบโบ ; ฟาบินโญ่, ติอาโก้, เฮนโด้ ; ซาล่าห์,ฟีร์มีโน, ดิอาซ
ระบบ 4-3-3 ทั้งสองทีมเหมือนเดิม แค่ ซิตี มีหน้าเป้า ส่วน หงส์แดง มีหน้าปลอม
ครึ่งแรกหงส์ดูฟิตกว่า
ครึ่งชั่วโมงแรกเป็นจังหวะของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการเข้าถึงแดนสามแล้วจบด้วยการยิง แล้วได้ประตู 3 นาทีแรกยิงสามครั้ง ที่ได้ลุ้นคือจังหวะโม ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงออกข้างเสา
ดูการเล่นแล้วลิเวอร์พูลฟิตกว่าแมนฯซิตี้ ความมุ่งมั่น การเข้าหาบอล ดูปราดเปรียวกว่า ทำให้การแก้เพรส การครองบอลทำได้ดีกว่าแมนฯซิตี้ จนถึงประตูขึ้นนำ นาทีที่ 21 จังหวะเซตบอล สวิทช์ข้ามฟากไปมา จบที่ ติอาโก ครอสให้ ซาลาห์ ดึงผู้เล่น ซิตี้มาสอง
คนก่อนไหลให้ เทรนต์ ยิงระยะ 20 หลาบอลพุ่งผ่านหัว อาเก กระแทกเสาเข้าไปสวยงาม
ครึ่งแรกโดยภาพรวม นักเตะ แมนฯซิตี้ดูยังขาด แมตช์ ฟิตเนส ไป เพียงแต่วิธีการเล่น ยังคงมีความแม่นยำอยู่ จังหวะจะโคน ยังเป็นแมนฯซิตี้อยู่ สร้างโอกาสเข้าไปยิง 9-6 ครั้ง
ครึ่งหลังเกมสนุก
15 นาทีแรกครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลที่สดกว่า แย่งบอล ได้ง่าย เดินเกมขึงแมนฯซิตี้ ได้ดี เพียงแต่เด็กหงส์ ทำบอลเสียง่ายไปหน่อยในจังหวะสำคัญ ถึงนาทีที่ 60 เป๊ป เปลี่ยนตัวรุกริมเส้นเข้ามาใหม่ อัลบาเรส ที่ซื้อช่วงม.ค. แล้วให้ริเวอร์เพลท ยืม ลงมาแทน มาห์เรส และ โฟเดน แทน กรีลิช
น.63 รูเบน ดิอาส เสียบอล โดนแย่งได้บอลถึง เฮนโดจ่าย คิลเลอร์พาส สุดสวย ดาร์วิน หลุดไปยิง…..แต่บอลไปโดนหัว เอแดร์ซอน ไม่ได้ประตูจากจังหวะสำคัญจังหวะนี้
อาเดรียน…จุดอ่อน
การออกบอล, การเล่นบอลด้วยเท้า, การแก้ไขสถานการณ์ ทำได้ไม่ดี ผิดพลาดนำไปสู่การเสียประตู โชคดีที่ ฮาแลนด์ ซ้ำลูกปัดแอสซิสต์ ให้แทบเท้า ชนคานออกไป …จุดนี้ น่าเป็นห่วง หาก อ.เบคเกอร์ พลาดการลงสนาม
ซาลาห์ แก้มือ
ลิเวอร์พูลแพ้ในอังกฤษครั้งล่าสุดคือที่คิง พาวเวอร์ เกมนั้น ซาลาห์ ยิงจุดโทษไม่เข้า
นัดนี้หงส์ได้จุดโทษจากการทำแฮนด์บอลของ รูเบน ดิอาส เป็น ซาลาห์ ยิงจุดโทษเด็ดขาดในนาทีที่ 83 เป็นประตูชัยให้ลิเวอร์พูลชนะ 3-1 คว้าโลห์ไปครอง
ฮาแลนด์ รอฟิตเนส
30 นาทีแรกแทบไม่เจอบอล เขาโดน ฟานไดจ์ ประกบ แต่พอนาทีที่ 33 ได้ยิง2 ครั้ง
จังหวะหาที่ว่างหนีมาฝั่ง รอบโบ ใช้ความแกร่งบังแม้เสียหลักล้มแต่ตวัดยิงติดเซฟ อาเดรียน ส่วนอีกจังหวะต่อมา จังหวะโล่งๆ ยิงแป้กเอง การมีส่วนร่วมเล่นกับเพื่อนๆยังมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ เป๊ป ให้เล่น 90 นาทีครบ เกมนี้ โดน ฟานไดจ์ ตามประกบติด ก็เล่นยากอยู่เหมือนกัน
ก่อนพลาดนาทีที่ 90+6 เมื่อซ้ำเผาขนจังหวะที่ อาเดรียน ปัดบอลมาเข้าทางชนคานออกไป….
ดาร์วิน 1 แอสซิสต์ 1 ประตู
เปลี่ยนลงมาแทน บ๊อบบี นาทีที่ 60 ลงได้สามนาทีหลุดเดี่ยวดันยิงไปติดหัว เอแดร์ซอนเอง จากจังหวะแทงทะลุของ เฮนโด จากนั้นมีส่วนกับจุดโทษ โหม่งไปโดนมือ รูเบน ดิอาส ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วให้จุดโทษ…ถือว่าแอสซิสต์ และมีความอันตรายจากลูกกลางอากาศ ได้โหม่งจากการครอสของ มิลเนอร์ และที่สำคัญ เข้าชาร์ตด้วยการโหม่งลูกตกพื้นจากการโหม่งชงของ รอบโบ ที่ได้บอลจาก ซาลาห์ครอสให้
ดาร์วิน คือหน้าเป้าโดยธรรมชาติ…จังหวะการเข้าไปโหม่งบอลระดับหน้าอกที่ตกพื้น…เข้าไป อันนี้ต้องยกให้ว่ายอดเยี่ยมจริงๆ
เกมนี้ทดสอบ แมตช์ ฟิตเนส ของสองฝั่งได้ แน่นอน เรือใบอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ส่วนหงส์ดูฟิตกว่า เพียงแต่วิธีการเล่น แทกติกของซิตี้ ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม ให้บอลแม่น การเล่นเกมรุกด้านข้าง อันตราย แม้ไม่ฟิตเท่าหงส์ (มี กานเซโล คนเดียวที่ฟิตมาก) แต่การเล่นยังดูละเอียดกว่า รับส่งบอลผิดพลาดน้อยกว่า
ที่สำคัญ…แมนฯซิตี ยังเข้าโจมตีแดนสามได้อยู่ เพียงแต่มาพลาดช่วงท้ายเกม ปล่อยให้บอลครอสเข้าเสาสองง่ายๆ ถึงหัวดาร์วิน และ รูเบน ทำแฮนด์บอล
ยกแรกของการลองเชิงระหว่างสองทีมนี้ได้บทพิสูจน์เรื่อง “แมตช์ ฟิตเนส” และความกระหายในการเล่นนั้นฝั่งหงส์แดงดูดีกว่าชัดแต่วิธีการเล่นแมนฯซิตี้ ยังคงเล่นได้สมกับเป็นทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่นะครับ
เพียงแต่ท้ายเกม…อ่อนแรงไม่ทันพลังเด็กหงส์ ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไป
JACKIE
This website uses cookies.