วิเคราะห์ พรีเมียร์ลีก นอริช ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล
ปรีวิว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล
เสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564
นอริช ซิตี้–ลิเวอร์พูล
สนาม : แคร์โรว์ โร้ด เวลาคิกออฟ : 23.30 น.
ผู้ตัดสิน : อังเดร มาริเนอร์
ผลงานการพบกันในฤดูกาลที่ผ่านมา
ไม่ได้พบกัน
นอริช ซิตี้
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
7 ส.ค.2564 แพ้ นิวคาสเซิล 0-3 (เยือน) อุ่นเครื่อง
3 ส.ค.2564 ชนะ จิลลิ่งแฮม 5-0 (เหย้า) อุ่นเครื่อง
23 ก.ค.2564 ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2-0 (เหย้า) อุ่นเครื่อง
ลิเวอร์พูล จับ ฟาน ไดจ์ค ต่อสัญญาถึงปี 2025
“คล็อปป์” คอนเฟิร์ม “มาเน่” มีลุ้นลงเจอ “นอริช”
20 ก.ค.2564 ชนะ ลินคอล์น 1-0 (เหย้า) อุ่นเครื่อง
16 ก.ค.2564 ชนะ คิง ลินน์ ทาวน์ 3-1 (เยือน) อุ่นเครื่อง
สภาพทีมนอริช ซิตี้
ดาเนี่ยล ฟัลเก้ พาทีม นอริช เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ภายในฤดูกาลเดียว ในฐานะแชมป์ ลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เกมนี้พร้อมส่ง ตีมู ปุ๊กกี้ ศูนยฺหน้าทีมชาติฟินแลนด์ ที่ฤดูกาล 2019-2020 ทำไป 11 ประตูลงล่าตาข่าย ทอดด์ แคนท์เวลล์ ตัวรุกอนาคตไกลที่หลายทีมจับตามองน่าจะสลัดอาการเจ็บข้อเท้าลงเล่นได้ ในรายของ ลูคัส รุปป์ ยังต้องรอประเมิน แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหา ด้าน มิล็อต ราชิซ่า แข้งใหม่ทีมชาติโคโซใว และ แกรนท์ แฮนลี่ย์ ส่วน บิลลี่ กิลมอร์ ที่ยืมมาจาก เชลซี น่าจะได้ปรับสมดุลย์ในแดนกลาง ในรายของ จอช ซาร์เจนท์ หัวหอกชาวอเมริกันที่ย้ายมาจาก แวร์เดอร์ เบรเมน ยังไม่พร้อมเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ คริสตอส โซลิส ปีกดาวรุ่งดีกรีทีมชาติกรีซที่เพิ่งย้ายมาจาก พีเอโอเค เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
นอริช (4-3-3 ) : ทิม ครูล; แม็กซ์ แอร่อนส์, แกรนท์ แฮนลี่ย์, เบน กิ๊บสัน, ดมิทริส จิอันนูลิส; ลูคัส รุปป์, บิลลี่ กิลมอร์, ปิแอร์ ลีส์ เมลู ; มิล็อต ราชิซ่า, ตีมู ปุ๊กกี้, ทอดด์ แคนท์เวลล์
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
9 ส.ค.2564 ชนะ โอซาซูน่า 3-1 (เหย้า) อุ่นเครื่อง
8 ส.ค.2564 เสมอ แอธ.บิลเบา 1-1 (เหย้า) อุ่นเครื่อง
29 ก.ค.2564 แพ้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 3-4 (กลาง) อุ่นเครื่อง
23 ก.ค.2564 ชนะ ไมนซ์ 1-0 (กลาง) อุ่นเครื่อง
23 พ.ค.2564 ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
สภาพทีมลิเวอร์พูล
เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมจบอันดับ 3 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดเผยถึงโอกาสการเป็นตัวจริงของสองเซ็นเตอร์แบ็ก อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เพิ่งต่อสัญญาใหม่ถึงปี 2025 กับ โจ โกเมซ ที่บาดเจ็บพักไปนานหลายเดือน โดย ฟาน ไดค์ ลงเล่นไป 70 นาทีในเกมกับ แอธ.บิลเบา ขณะที่ โกเมซ ลงเล่นไปหนึ่งชั่วโมงในเกมกับ โอซาซูน่า ซึ่งเป็นสองเกมอุ่นเครื่องติดต่อกันช่วงสุดท้ายของปรีซีซั่น แต่คาดว่าอาจจะไม่ได้ลงพร้อมกัน ขณะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ปราการหลังตัวใหม่ที่ได้มาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก พร้อมสตาร์ตเช่นกัน ด้าน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กจอมบุก แม้อาการเจ็บข้อเท้าจะไม่หนัก แต่จะพลาดลงในเกมนี้ ทำให้ คอสตาส ซิมิคาส จะได้ลงทำหน้าทื่แทน เคอร์ติส โจนส์ กองกลางดาวรุ่ง ที่เจ็บศีรษะ มาจากเกมอุ่นเครื่องที่ ชนะ โอซาซูน่า ชวดมีชื่อเช่นกัน ส่วน นาบี เกอิต้า ที่โชว์ฟอร์มได้ดีน่าจะได้ลงทำหน้าที่ ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ความฟิตน่าจะยังไม่ถึงหลังกลับมาจากเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ในศึกยูโร 2020 รวมทั้ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า แข้งสแปนิช ยังไม่สมบูรณ์เช่นกัน เกมรุกใช้ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์,โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เป็น 3 ประสานเช่นเดิม
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซง เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์,อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส; อเล็กซ์ ออกซ์เล็ด แชมเบอร์เลน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า; โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม
-ทั้งคู่พบกันมาแล้ว 66 นัด นับตั้งแต่ปี 1909 นอริช ชนะ 19 ลิเวอร์พูล ชนะ 37 และจบด้วยผลเสมอ 15 นัด
-เจอกันในพรีเมียร์ลีก 18 นัด นอริช ชนะ 2 ลิเวอร์พูล ชนะ 13 โดยจบด้วยผลเสมอ 3 นัด ที่สำคัญใน 14 เกมหลังพรีเมียร์ลีก ที่ทั้งคู่เจอกัน ลิเวอร์พูลไม่แพ้ (ชนะ 12 เสมอ 2)
-ลิเวอร์พูล ชนะในการบุกมาเยือนนอริช เกมพรีเมียร์ลีก 7 นัดหลังสุด โดยครั้งล่าสุดที่พบกันที่นี่คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ 1-0 จากประตูชัยของ ซาดิโอ มาเน่ ในนาทีที่ 78
-นอริช ไม่ชนะในนัดเปิดสนามในการเล่นพรีเมียร์ลีก มาแล้ว 8 ครั้ง และถือเป็นสถิติยาวนานที่สุดของทีม โดยครั้งหลังสุดที่ขนะเกมพรีเมียร์ลีกลีกนัดเปิดสนามคือในฤดูกาล 1992-1993
-โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ยิงประตูในนัดเปิดสนามมาแล้ว 4 ฤดูกาลติดหากเกมนี้ทำได้ จะกลายเป็นผู้เล่นคนแรก ที่ทำประตูในนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกได้ 5 ปีติดต่อกัน
This website uses cookies.