Football Sponsored
Categories: ฟีฟา

เช็กแข้งติดภารกิจทีมชาติบิ๊กทีมพรีเมียร์ลีกคืนทีมเมื่อไหร่ – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

หลายทีมในพรีเมียร์ลีก เริ่มกลับมาซ้อม และอยู่ในช่วงเตรียมทีมช่วงปรี-ซีซั่นก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเปิดม่านวันที่ 13 สิงหาคม

    สำหรับแข้งที่ติดทีมชาติ แต่ละคนจะได้รับอนุญาตให้มีเวลาพักผ่อน 3 อาทิตย์นับจากเกมสุดท้าย ซึ่งหมายความว่านักเตะที่ติดทีมไป ยูโร 2020 และ โกปา อเมริกา ก็จะไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมในช่วงนี้

    เชลซี คือสโมสรที่มีผู้เล่นถูกเรียกติดทีมชาติในสองรายการนั้นมากที่สุดถึง 16 ราย ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 15 ราย โดยในสกู๊ปนี้เราจะไปเช็กกันว่านักเตะเหล่านั้นจะกลับคืนสู่ทีม และร่วมซ้อมได้เมื่อไหร่ ซึ่งในที่นี้จะรวมถึงกับผู้เล่นที่ติดทัพไปช่วยทีมชาติในศึก โอลิมปิก เกมส์ อีกด้วย

    อาร์เซน่อล

    คีแรน เทียร์นี่ย์ (ยูโร กับ สกอตแลนด์) – กลับคืนทีมเรียบร้อยแล้ว

    แบร์นด์ เลโน่ (ยูโร กับ เยอรมนี) – 19 กรกฎาคม

    กรานิค ชาคา (ยูโร กับ สวิตเซอร์แลนด์) – 23 กรกฎาคม

    บูกาโย่ ซาก้า (ยูโร กับ อังกฤษ) – ภายในสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม

    กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (โอลิมปิกส์ กับ บราซิล) – กลับมาขึ้นอยู่กับผลงานของทีมชาติบราซิล โดยการแข่งขันอยู่ในช่วงระหว่าง 28 ก.ค.-7 ส.ค. ซึ่งอาจกลับมาได้ในช่วงระหว่างวันที่ 18-28 ส.ค.

    เชลซี

    มิชี่ บัตชูอายี่ (ยูโร กับ เบลเยี่ยม) – 23 กรกฎาคม

    มัตเตโอ โควาซิช (ยูโร กับ โครเอเชีย) – 19 กรกฎาคม

    อันเดรส คริสเตนเซ่น (ยูโร กับ เดนมาร์ก) – 24 กรกฎาคม

    เบน ชิลเวลล์, รีซ เจมส์, เมสัน เมาท์ (ยูโร กับ อังกฤษ) – 1 สิงหาคม

    เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (ยูโร กับ ฝรั่งเศส) – 19 กรกฎาคม

    อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ไค ฮาแวร์ทซ์, ติโม แวร์เนอร์ (ยูโร กับ เยอรมนี) – 20 กรกฎาคม

    เอแมร์ซอน, จอร์จินโญ่ (ยูโร กับ อิตาลี) – 1 สิงหาคม

    เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (ยูโร กับ สเปน) – 27 กรกฎาคม

    เอธาน อัมปาดู (ยูโร กับ เวลส์) – 17 กรกฎาคม

    ติอาโก้ ซิลวา (โกปา อเมริกา กับ บราซิล) – 31 กรกฎาคม

    มาลัง ซาร์ (โอลิมปิกส์ กับ ฝรั่งเศส) – กลับมาขึ้นอยู่กับผลงานของทีมชาติฝรั่งเศส โดยการแข่งขันอยู่ในช่วงระหว่าง 28 ก.ค.-7 ส.ค. ซึ่งอาจกลับมาได้ในช่วงระหว่างวันที่ 18-28 ส.ค.

    เลสเตอร์ ซิตี้

    แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (ยูโร กับ เดนมาร์ก) – ประมาณวันที่ 26 กรกฎาคม

    ยูรี่ ตีเลอมันส์, เดนนิส    ปราต, ทิโมธี กาสตาญ (ยูโร กับ เบลเยี่ยม) – ประมาณวันที่ 23 กรกฎาคม แต่ในรายของ กาสตาญ บาดเจ็บต้องพักยาว

    แดนนี่ วอร์ด (ยูโร กับ เวลส์) – ประมาณวันที่ 19 กรกฎาคม

    คักลาร์ โซยุนชู (ยูโร กับ ตุรกี) – กลับมาเรียบร้อยแล้ว

    ลิเวอร์พูล 

    จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ยูโร กับ อังกฤษ) – อาจกลับมาได้ภายในสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม

    อลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (โกปา อเมริกา กับ บราซิล) – อาจกลับมาได้ภายในสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม

    ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ยูโร กับ สเปน) – อาจกลับมาได้ในวันที่ 27 กรกฎาคม

    ดิโอโก้ โชต้า (ยูโร กับ โปรตุเกส) – อาจกลับมาได้ภายในสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม

    เซอร์ดาน ชากิรี่ (ยูโร กับ สวิตเซอร์แลนด์) – กลับมาประมาณวันที่ 23 กรกฎาคม

    เนโก วิลเลี่ยมส์, แฮร์รี่ วิลสัน (ยูโร กับ เวลส์) – อาจกลับมาได้ภายในสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม

    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

    เอแดร์ซอน, กาเบรียล เชซุส (โกปา อเมริกา กับ บราซิล) – 6 สิงหาคม

    ราฮีม สเตอร์ลิง, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, ฟิล โฟเด้น (ยูโร กับ อังกฤษ) -8 สิงหาคม

    เฟร์ราน ตอร์เรส, โรดรี้, อายเมอริค ลาปอร์กต์ (ยูโร กับ สเปน) – 4 สิงหาคม

    เควิน เดอ บรอยน์ (ยูโร กับ เบลเยี่ยม) – 28 กรกฎาคม 

    โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ (ยูโร กับ ยูเครน) – 29 กรกฎาคม

    รูเบน ดิอาส, เบร์นาร์โด้ ซิลวา (ยูโร กับ โปรตุเกส) – 23 กรกฎาคม

    เนธาน อาเก้ (ยูโร กับ เนเธอร์แลนด์) – 23 กรกฎาคม

    อิลคาย กุนโดกัน (ยูโร กับ เยอรมนี) – 25 กรกฎาคม

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

    เจดอน ซานโช่, ลุค ชอว์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (ยูโร กับ อังกฤษ) – 1 สิงหาคม

    มาร์คัส แรชฟอร์ด (ยูโร กับ อังกฤษ) – เตรียมเข้าผ่าตัดหัวไหล่ คาดว่าจะกลับมาได้ในเดือนตุลาคม

    เฟร็ด (โกปา อเมริกา กับ บราซิล) – 31 กรกฎาคม

    ดาบิด เด เคอา (ยูโร กับ สเปน) – 27 กรกฎาคม

    เอดินสัน คาวานี่ (โกปา อเมริกา กับ อุรุกวัย) – 26 กรกฎาคม

    วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ (ยูโร กับ สวีเดน) – 20 กรกฎาคม

    ปอล ป็อกบา (ยูโร กับ ฝรั่งเศส) – 19 กรกฎาคม

    บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ดีโอโก้ ดาโลต์ (ยูโร กับ โปรตุเกส) – 19 กรกฎาคม

    แดเนี่ยล เจมส์ (ยูโร กับ เวลส์) – 19 กรกฎาคม

    สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (ยูโร กับ สกอตแลนด์) – 14 กรกฎาคม

    เอริค ไบยี่, อาหมัด ดิยัลโล่ (โอลิมปิกส์ กับ ไอวอรี่ โคสต์) – กลับมาขึ้นอยู่กับผลงานของทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ โดยการแข่งขันอยู่ในช่วงระหว่าง 28 ก.ค.-7 ส.ค. ซึ่งอาจกลับมาได้ในช่วงระหว่างวันที่ 18-28 ส.ค.

    ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์

    อูโก้ โยริส, มุสซ่า ซิสโซโก้ (ยูโร กับ ฝรั่งเศส) – กลับมาประมาณวันที่ 23 กรกฎาคม

    เบน เดวิส, โจ โรดอน (ยูโร กับ เวลส์) – กลับมาประมาณวันที่ 23 กรกฎาคม

    แฮร์รี่ เคน (ยูโร กับ อังกฤษ) – กลับมาประมาณวันที่ 2 สิงหาคม

    ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (ยูโร กับ เดนมาร์ก) – กลับมาประมาณวันที่ 28 กรกฎาคม

    โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ (ยูโร กับ เบลเยี่ยม) – กลับมาประมาณวันที่ 26 กรกฎาคม

    โจวานนี่ โล เซลโว่ (โกปา อเมริกา กับ อาร์เจนติน่า) – กลับมาประมาณวันที่ 2 สิงหาคม

    ดาวินซอน ซานเชซ (โกปา อเมริกา กับ โคลอมเบีย) – กลับมาประมาณวันที่ 2 สิงหาคม

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.