workpointTODAY | What Works TODAY

สิ้นสุดลงไปแล้ว สำหรับการย้ายทีมของฟุตบอลยุโรปในตลาดเดือนมกราคม ซึ่งในปีนี้ พรีเมียร์ลีกยังคงเป็นลีกที่มีการซื้อขายกันอย่างคับคั่งเช่นเคย โดยเชลซีเป็นทีมที่โดดเด่นที่สุด สามารถดึงผู้เล่นใหม่เข้ามาถึง 8 คน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นการทุ่มค่าตัวเป็นสถิติของเกาะอังกฤษอีกด้วย

เราจะมาดูกันว่ามีดีลไหนน่าสนใจในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมากันบ้าง

1. เอ็นโซ เฟร์นานเดส | เบนฟิกา > เชลซี

นี่คือดีลที่แพงที่สุดในตลาดรอบนี้ แพงเป็นสถิติของเกาะอังกฤษ และแพงเป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยค่าฉีกสัญญา 121 ล้านยูโร

มิดฟิลด์ตัวกลางทีมชาติอาร์เจนตินาวัย 22 ปี เจ้าของรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เพิ่งจะย้ายมาสัมผัสกับฟุตบอลในลีกยุโรปได้เพียงครึ่งฤดูกาลเท่านั้น แต่เขาทำผลงานทั้งในระดับสโมสรและในทีมชาติได้อย่างโดดเด่น จนเชลซีต้องยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อคว้าตัวเข้ามา

โดยในตลาดรอบนี้ ทางสิงห์บลูทุ่มเงินไปทั้งหมดกว่า 300 ล้านยูโร แน่นอนว่าเป้าหมายขั้นต่ำคือการขยับจากอันดับที่ 10 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ขึ้นไปอยู่ในท็อป 4 ให้ได้ เพื่ออย่างน้อยๆ ให้ได้กลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า โดยปัจจุบันพวกเขาตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 อยู่ 10 คะแนน

2. มิไคโล มูดริก | ชักตาร์ โดเน็ตส์ก > เชลซี

ดาวเตะทีมชาติยูเครนวัย 22 ปี ย้ายเข้าสู่รั้วสแตมฟอร์ดบริดจ์ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร บวกกับแอดออนอีก 30 ล้านยูโร 

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมของมูดริกในฤดูกาลนี้ ทำให้เจ้าตัวถูกจับจ้องจากทีมใหญ่หลายทีม โดยเฉพาะอาร์เซนอลที่มีข่าวหนาหูที่สุด แต่สุดท้ายกลับเกิดการพลิกล็อกขึ้น เมื่อคู่อริร่วมกรุงลอนดอนอย่างเชลซีเป็นฝ่ายคว้าลายเซ็นไปได้ พร้อมกับเซ็นสัญญายาวถึง 8 ปีครึ่ง

ตั้งแต่ย้ายมา มูดริกได้ลงเล่นให้กับเชลซีในฐานะตัวสำรองไปแล้ว 1 นัด และพอจะแสดงให้เห็นถึงความวูบวาบออกมาบ้างแล้ว ซึ่งแฟนๆ หลายคนก็คงรอที่จะได้เห็นเขาวาดลวดลายในสนามอีก 

3. เจา เฟลิกซ์ | แอตเลติโก มาดริด > เชลซี (ยืมตัว)

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เฟลิกซ์คือ 1 ในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุด ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ยอมทุ่มเงิน 126 ล้านยูโร ในการดึงตัวเขามาจากเบนฟิกา และแม้ว่าผลงาน 34 ลูกจาก 131 นัด จะไม่ใช่ตัวเลขที่ย่ำแย่นัก แต่ก็ถือว่ายังเล่นได้ไม่สมกับค่าตัวนัก

อย่างไรก็ตาม ในฟุตบอล 2022 กับทีมชาติโปรตุเกส เฟลิกซ์แสดงให้เห็นแล้วว่า เขายังมีของอยู่ หากได้ลงเล่นในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การย้ายไปเล่นให้เชลซีแบบชั่วคราวนับเป็นโอกาสที่เขาจะได้โชว์ฟอร์มอีกครั้ง

น่าเสียดายที่เฟลิกซ์ไปโดนใบแดงไล่ออกตั้งแต่นัดแรกที่ประเดิมสนาม มิหนำซ้ำ ต้นสังกัดใหม่อย่างเชลซีก็อยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก ต้องมาคอยลุ้นกันว่าดาวรุ่งรายนี้จะเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตได้หรือไม่

4. เจา คันเซโล | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ > บาเยิร์น มิวนิค (ยืมตัว)

คันเซโลใช้เวลา 3 ปีครึ่งที่อยู่กับแมนซิตี้ พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งแบ็คที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรุก ที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการเปิดบอล และการเข้าไปทำประตูได้อยู่เสมอๆ

แต่ชีวิตของเขาต้องมาเจอจุดเปลี่ยนภายในเวลาเพียงแค่เดือนเศษ หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงในสโมสรไป ทำให้คันเซโลแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน จนสุดท้ายถูกปล่อยออกจากทีม ให้บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวไป พร้อมกับออปชันซื้อขาดที่ 70 ล้านยูโร

โดยฤดูกาลนี้ คันเซโลลงเล่นเป็นตัวจริงให้ทีมเรือใบสีฟ้าไปแล้ว 23 นัดในทุกรายการ มีเพียง 3 นัดเท่านั้นที่เป็นตัวสำรอง ต้องรอดูว่าการที่แมนซิตี้เสียนักเตะตัวหลักไป และไม่ได้หาใครมาเสริมแทนในตำแหน่งแบ็ค จะทำให้ทีมเจอกับปัญหาในช่วงการแข่งขันที่เหลือหรือไม่ 

5. โคดี กักโป | พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน > ลิเวอร์พูล

เป็นอีกหนึ่งการย้ายทีมที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์แฟนบอลเช่นกัน เมื่อกักโปที่มีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาโดยตลอด อยู่ๆ กลับเป็นลิเวอร์พูลที่ชิงคว้าตัวแนวรุกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไปได้ 

ดีลนี้เป็นอีกดีลที่หลายฝ่ายจับตามองอย่างมาก เนื่องจากกักโปย้ายมาพร้อมกับสถิติทำประตูที่น่าทึ่งในฤดูกาลนี้ ทั้งการทำ 9 ประตูจาก 14 นัดในลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ และการทำประตูได้ 3 นัดติด ในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย 

แต่หลังจากลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปแล้ว 5 นัด กักโปยังไม่ได้ทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนัก อาจเป็นผลมาจากการที่ทีมหงส์แดงเองก็อยู่ในช่วงฟอร์มตกเช่นกัน ทำให้ตัวเขาต้องใช้เวลาการพิสูจน์ตัวเองต่อไป

6. จอร์จินโญ | เชลซี > อาร์เซนอล

ตลอด 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา จอร์จินโญคว้าแชมป์ในรายการระดับยุโรปมาแล้วมากมาย ทั้งยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกและยูโรป้าลีกกับเชลซี รวมถึงยูโร 2020 กับทีมชาติอิตาลี แต่ถ้วยที่เขาไม่เคยได้สัมผัสเลยคือการเป็นแชมป์ลีกในประเทศ และตอนนี้ อาร์เซนอลคือทีมที่เข้าใกล้กับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด

Welcome to The Arsenal, Jorginho 👊 pic.twitter.com/jHXqAUBKKQ

— Arsenal (@Arsenal) January 31, 2023

ที่ผ่านมา จอร์จินโญนับเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด แต่การที่เชลซีไปคว้าตัว เอ็นโซ เฟร์นานเดส เข้ามา ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งในทีมของจอร์จินโญแบบเต็มๆ

การที่อาร์เซนอลตัดสินใจควักเงิน 12 ล้านปอนด์ ดึงตัวจอร์จินโญวัย 31 ปี ที่อีกเพียงแค่ 6 เดือนจะกลายเป็นฟรีเอเยนต์อยู่แล้ว เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่านี่คือการเสริมทัพระยะสั้น เพื่อเป้าหมายในเอาแชมป์ปีนี้ให้ได้

7. เลอันโดร ทรอสซาร์ | ไบรท์ตัน > อาร์เซนอล

ทรอสซาร์เป็นนักเตะอีกรายที่ต้องย้ายเนื่องจากขัดแย้งกับผู้จัดการทีม โดยนักเตะทีมชาติเบลเยียมถูกกุนซือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี ดร็อปออกจากทีมด้วยเหตุผลด้านวินัย และก็เป็นอาร์เซนอลที่มาซื้อไปด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 7 ล้านปอนด์

ในฤดูกาล 2022/23 นี้ ถือได้ว่าทรอสซาร์วัย 28 ปี กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิต ทำไป 7 ประตูจาก 16 นัดในพรีเมียร์ลีกให้กับไบรท์ตัน ทำให้เงินที่อาร์เซนอลจ่ายไปถือว่าไม่แพงเลย ถ้าหากเจ้าตัวยังรักษาระดับการเล่นในปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง

8. มาร์เซล ซาบิตเซอร์ | บาเยิร์น มิวนิค > แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยืมตัว)

อาการบาดเจ็บของ คริสเตียน อีริคเซน ทำให้แมนยูต้องรีบเข้าตลาดนักเตะรอบนี้ เพื่อหาตัวแทนแบบด่วนๆ และสุดท้ายพวกเขาเลือกจิ้มไปที่ซาบิตเซอร์ กองกลางทีมชาติออสเตรียวัย 28 ปี

หลังจากที่ติดทีมยอดเยี่ยมของบุนเดสลีกาและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 2019-20 ซาบิตเซอร์ได้ย้ายจากแอร์เบ ไลป์ซิก มาอยู่บาเยิร์นในช่วงซัมเมอร์ถัดมา แต่มักจะได้ลงเป็นตัวสำรองมากกว่าตัวจริง ทำให้การย้ายครั้งนี้เป็นไปเพื่อโอกาสลงเล่นที่มากขึ้น และยังเป็นส่วนที่ฝั่งทีมปีศาจแดงกำลังต้องการอยู่พอดี  

9. แอนโธนี กอร์ดอน | เอฟเวอร์ตัน > นิวคาสเซิล

กอร์ดอนวัย 21 ปีถือเป็น 1 ในดาวรุ่งชาวอังกฤษที่น่าจับตามอง ช่วงปลายฤดูกาลก่อนเป็นตัวหลักที่ช่วยให้เอฟเวอร์ตันหนีตกชั้นได้ แต่ค่าตัว 40 ล้านปอนด์ + ออปชัน 5 ล้านปอนด์ ก็เป็นจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับนักเตะที่ยังไม่เคยติดทีมชาติ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง นิวคาสเซิลก็แสดงให้เห็นใน 2 ตลาดซื้อขายที่ผ่านมา ว่าพวกเขาไม่ใช่เศรษฐีใหม่ที่ทุ่มเงินซื้อแบบมั่วๆ หลายคนที่ดึงเข้ามาสามารถยกระดับทีมได้จริง และหากกอร์ดอนสามารถพัฒนาตัวเองต่อเนื่องจากฟอร์มที่ดีในช่วงปลายฤดูกาลก่อนถึงต้นฤดูกาลนี้ได้ ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าสำหรับนิวคาสเซิลเช่นกัน

10. จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ | เชลซี > สเปอร์ส

ศูนย์หน้าลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยวัย 19 ปี มีดีกรีติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาทุกรุ่น ตั้งแต่ยู-15 จนถึงยู-15 และประเดิมสนามให้กับเชลซีชุดใหญ่ไปแล้ว 1 นัด ในเกมคาราบาวคัพเมื่อฤดูกาลก่อน 

ดีลนี้ได้กลายมาเป็นอีก 1 ดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟนบอลชาวไทย โดยหลายคนมองว่าการอยู่กับเชลซีอาจมีโอกาสไม่มากนักสำหรับการขยับตัวเองจากทีมอะคาเดมีขึ้นสู่ชุดใหญ่แบบเต็มตัว และการย้ายไปอยู่ทีมร่วมกรุงลอนดอนอย่างท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการที่ได้อยู่ในทีมใหญ่ของอังกฤษต่อไป 

We are pleased to confirm the addition of Jude Soonsup-Bell to our Development Squad.

Welcome to Spurs, Jude 🙌

— Tottenham Hotspur (@SpursOfficial) January 31, 2023