Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

“อัยยวัฒน์” ตั้งเป้าพาเลสเตอร์เลื่อนชั้นในเร็ววัน

Football Sponsored
Football Sponsored


นาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งหวังพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกให้ได้

ทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินเเม้เกมสุดท้ายจะเอาชนะเวสต์เเฮม ยูไนเต็ดได้ 2-1 เเต่เอฟเวอร์ตันก็เอาชนะคู่เเข่งได้เช่นกันทำให้พวกเขากระเด็นตกชั้นไปพร้อมกับลีดส์เเละเซาเเธมป์ตัน อย่างไรก็ตามประธานทีมให้คำมั่นกับเเฟนๆว่าจะกลับมาเเข็งเเกร่งอีกครั้ง

“วันนี้ พวกเราทุกคนเจ็บปวดและผิดหวัง”

“แต่พวกเราจะกลับมาอีกครั้ง”

“การเดินทางของเราเริ่มต้นในปี 2010 เมื่อเราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เลสเตอร์ ซิตี้ นับตั้งแต่วันที่เราเข้ามา เรารู้สึกได้ถึงความรักและความคลั่งไคล้ของแฟนบอลทุกคน ตั้งแต่วันนั้น เรามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั่นคือการพาสโมสรกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีก”

“เราใช้เวลากว่า 4 ปีในการพาทีมไปสู่เป้าหมายที่เราฝัน เราทุ่มเทเพื่อให้สโมสรของเราพัฒนาขึ้นในทุกด้าน เราลงทุนกับตลาดซื้อขายนักเตะ, ทีมงานผู้ฝึกสอน ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของสโมสร ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเราจะเป็นทีมระดับพรีเมียร์ลีกอย่างแท้จริง เรามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เราก็ไม่เคยยอมแพ้ และเดินหน้าต่อไป เราเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังสร้างกันอยู่นั้น จะทำให้เราประสบความสำเร็จตามที่เราต้องการได้”

“การเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เรื่องราวหลังจากนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุกคนไม่มีวันลืม ฤดูกาลแรกของเราในพรีเมียร์ลีก ทุกคนคิดว่าเราจะตกชั้นแน่นอน อย่างไรก็ตามเรารวมใจกันฝ่าฟันทุกอุปสรรค พวกเรารอดตกชั้น จนได้รับขนานนามจากแฟนฟุตบอลว่า “การหนีตกชั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ก่อนที่ในฤดูกาลต่อมาเราจะสร้าง “เทพนิยาย” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกีฬาด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ทั้งที่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น เราเกือบจะตกชั้น”

“เราพา เลสเตอร์ ซิตี้ ไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แฟนบอลของเราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรป เราได้ออกไปเยือนเมืองต่าง ๆ ในยุโรปเช่น ปอร์โต้, บรูจ, โคเปนเฮนเก้, เซบีญ่า และ กรุงมาดริด เราต่อยอดความสำเร็จเหล่านั้นด้วยการนำนักฟุตบอลชื่อดังเข้าสู่สโมสร, สร้างสนามซ้อมและศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งใหม่ รวมไปถึง การต่อเติมและขยายความจุของสนาม “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” เพื่อรองรับการเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสโมสรในระยะยาว”

“ในปี 2018 เราทุกคนร่วมแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณพ่อของผม คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรของเรา นั่นคือช่วงเวลาที่ผมและครอบครัวเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต แต่เพราะความรักและการสนับสนุนของทุกคนในครอบครัวเลสเตอร์ ซิตี้ มันทำให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ พร้อมทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเราแน่นแฟ้นกว่าเดิม และผมสัญญากับทุกคนว่า ในฐานะประธานสโมสรคนใหม่ ผมจะเดินตามรอยของคุณพ่อ พร้อมกับพา เลสเตอร์ ซิตี้ ให้กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมให้ได้”

“ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนบนโลกนี้ สโมสรของเราเองก็ประสบปัญหาเหมือนอย่างเช่นหลาย ๆ สโมสร พวกเราสูญเสียรายได้ และจำเป็นต้องปรับตัว แต่เราเองก็ยังคงสนับสนุนชุมชนเลสเตอร์ของเรา พร้อมกับพยายามรักษาผลงานของสโมสรไปด้วย เราสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในกลุ่มท็อปซิกส์ของพรีเมียร์ลีก เราได้กลับไปลงเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง เราก่อตั้งทีมฟุตบอลหญิงของสโมสร เราได้แชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เราคว้าโล่การกุศล เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ เราได้ไปเล่นที่ มอสโก, แรนส์, ไอนด์โฮเฟ่น และ โรม เราผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปเป็นครั้งแรก”

“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เราได้สร้างความทรงจำด้วยกันมา แต่ผมอยากให้เราเห็นถึงความพยายามของพวกเราตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดทำให้ผมมั่นใจว่า เราจะกลับมาได้อีกครั้ง แน่นอนว่าการตกชั้นคือการถอยหลัง แต่มันจะไม่ใช่จุดจบของพวกเรา”

“ฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไปเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากของพวกเราทุกคน และท้ายที่สุดแล้ว เราต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เมื่อวานนี้ เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อหวังที่จะอยู่รอดต่อไปในพรีเมียร์ลีก บรรยากาศในสนามสุดยอดมาก น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุด เราไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ฟุตบอลลีกเป็นการลงเล่น 38 เกม และเราต้องยอมรับว่าเราทำได้ไม่ดีพอ หลังจากนี้ เราจะต้องกลับมาทบทวนและค้นหาคำตอบว่าทำไมเราถึงมาอยู่ในจุดนี้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับนำบทเรียนเหล่านี้มาทำให้พวกเราแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้อีกในอนาคต”

“วันนี้ พวกเราทุกคนเจ็บปวดและผิดหวัง แต่ว่าพวกเราจะกลับมา”

“ผมมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อสโมสรแห่งนี้ และผมสัญญาว่าผม ครอบครัว และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะทำทุกอย่างเพื่อพาสโมสรแห่งนี้กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกให้ได้”

“ผมได้รับข้อความมากมายจากแฟน ๆ ของเรา ทั้งในทางบวกและทางลบ ท่ามกลางข้อความเหล่านั้น ผมก็ยังได้รับข้อความสนับสนุนและกำลังใจมากมายจากผู้คนทั่วสารทิศ ทั้งที่ผมได้เจอในสถานที่สาธารณะ หรือข้อความจากโลกออนไลน์ ทั้งหมดมันมีความหมายกับผมและครอบครัวมากๆ”

“ผมและครอบครัวอยากจะขอบคุณทุกแรงสนับสนุนและกำลังใจ และอยากจะบอกกับทุกคนว่า พวกเรายังตั้งใจ มุ่งมั่น และทุ่มเทให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เหมือนเช่นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว บรรยากาศในสนามเมื่อวานนี้ รวมไปถึงข้อความให้กำลังใจ ที่ทุกคนมอบให้เรา เราจะเก็บมันไว้ในใจเสมอ มันเป็นพลังใจของพวกเราทุกคน และเราจะใช้พลังใจเหล่านี้พาทุกคนกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง”

“ฤดูกาลหน้าจะเป็นฤดูกาลที่ยากลำบาก มันจะเป็นปีที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจครั้งใหญ่เพื่อกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง และผมขอสัญญาว่าเราจะพยายามและสู้จนพาทีมกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกให้ได้”

“ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุน”

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
ประธานสโมสร

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.