Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

ผู้ว่า กกท. เผยยังไม่มีรายงานปัญหาจากทัพซีเกมส์ ยกเว้นเรื่องกรรมการ

Football Sponsored
Football Sponsored


ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผย ทัพนักกีฬาไทยที่ทยอยเดินทางทำศึกซีเกมส์ ที่กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีขวัญและกำลังใจดี ชี้ยังไม่ได้รับรายงานปัญหาที่หนักอกหนักใจนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร หรือความเป็นอยู่ ส่วนที่เกิดปัญหา คือการตัดสินของกรรมการในกีฬาหมากรุก ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการโอลิมปิคไทยได้เข้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว กำชับนักกีฬาไทยดูแลสุขภาพให้ไม่ป่วยหรือเป็นโควิด-19 พร้อมหวังเจ้าภาพจัดชิงชัยออกมาเป็นไปตามมาตรฐานอย่างที่เคยได้ประกาศเอาไว้ 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชาว่า แม้การแข่งขันซีเกมส์จะยังไม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีทีมกีฬาของไทยบางชนิดเดินทางล่วงหน้าเพื่อลงฝึกซ้อมรวมถึงลงแข่งขันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลทั้งทีมชายและหญิง, คริกเก็ต, ฮอกกี้ในร่ม, วอลเลย์บอลชาย, หมากรุกและเรือใบ 

ผู้ว่าการกกท.เผยว่า จากการทำงานร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ซึ่งนักกีฬาไทยหลายทีมกีฬาเดินทางไปถึงแล้ว ยังไม่ได้รับรายงานปัญหาที่หนักใจนอกสนามอย่างที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อมภายนอก หรือความเป็นอยู่ จะมีก็แต่เรื่องของเกมการแข่งขัน ซึ่งนักกีฬาหมากรุกไทยต้องเจอกับการตัดสินที่ค่อนค้านสายตาของกรรมการ ซึ่งเรื่องนี้ตนเองได้รับทราบ และคณะกรรมการโอลิมปิคของไทยก็ได้เข้าไปพูดคุยสอบถามกับผู้จัดการทีมหมากรุกของไทยแล้ว 

“หลังจากโอลิมปิคไทยเข้าไปประสานงานแล้ว ผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งทัพนักกีฬาหมากรุกไทยก็ยังคงมีขวัญและกำลังใจที่ดีอยู่ในการที่จะสู้ในอีกหลายแมตช์และหลายประเภทที่เหลือ เช่นกันกับอีกหลายๆทีมก็ยังมีขวัญและกำลังใจที่ดี ส่วนเรื่องของมาตรฐานในการจัดแข่งขัน ทั้งในด้านเทคนิตและการจัดการต่างๆ ก็คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาต่อจากนี้ ซึ่งผมก็หวังว่ากัมพูชาจะจัดออกได้ดีในมาตรฐานที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องอื่นๆทั่วไป ก็อยากให้นักกีฬาระมัดระวังเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะการป้องกันตัวเองจากโควิด-19” ดร.ก้องศักด กล่าวทิ้งท้าย 

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.