Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

“ปิยะพงษ์” เชื่อ “ศุภณัฏฐ์” เฉิดฉายได้ในยุโรป แต่ต้องอดทน อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี

Football Sponsored
Football Sponsored


“เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นถึง “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หัวหอกดาวรุ่งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่า การไปเล่นฟุตบอลที่อาชีพยุโรปนั้นไม่ง่าย อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ถึงจะเห็นผล ถ้าไปแล้วควรอยู่นานๆ ไม่ต้องรีบกลับมา

หลังจากมีข่าวหลุดออกมาว่า ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าดีกรีทีมชาติไทยของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังจะได้เซ็นสัญญากับ เลสเตอร์ ซิตี ยอดทีมจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งเจ้าตัวจะถูกส่งไปชุบตัวกับ โอเอช ลูเวิน ในลีกสูงสุดของเบลเยียม เพื่อรอเวลาที่จะได้ใบอนุญาตทำงาน

โดย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ดาวยิงระดับตำนานของทัพ “ช้างศึก” ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าว ว่า “ศุภณัฏฐ์ เป็นนักเตะที่มีไหวพริบดี มีการเคลื่อนที่ดี หาพื้นที่ดี มีสปีด สร้างโอกาสให้ตัวเอง และเพื่อนร่วมทีม มีความเฉลียวฉลาดในการจบสกอร์”

“ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวไปฝึกซ้อมกับเลสเตอร์ ซิตี ไม่นาน แค่ 1 เดือน ยังพัฒนาได้ขนาดนี้ ถ้าอยู่ตลอดอะไรจะเกิดขึ้น คนอื่นที่ไปด้วยกันก็พัฒนา แต่กับ ศุภณัฏฐ์ คือเห็นชัดมาก เขามีข้อแตกต่างในการเล่นอย่างชัดเจน”

“ไปเล่นที่ลีกเบลเยียมคือสิ่งที่ดีมาก ถ้าเข้าตาก็อาจมีแมวมองจากลีกดัตช์ดึงตัวไปเล่นที่นั่น ถ้าเป็นแบบนั้นจะถือว่าดีมาก หรือลีกอื่น เช่น โปรตุเกส ก็ดี อาจมียืมตัวไป ซึ่งถือเป็นทางลัดในการไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ทั้งนี้อาจต้องรอ 3 ป จนถึงอายุ 23 ปี โอกาสน่าจะมาแบบเต็มๆ”

“การไปที่นั่น ศุภณัฏฐ์ ไม่มีเสียของแน่ มีแต่จะได้มากหรือได้น้อย ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทีมชาติไทยด้วย มีแต่ได้กับได้ ไปแล้วก็อย่ารีบกลับมาแล้วกัน อย่าเพิ่งท้อ อยู่ไปก่อน สู้ไปอย่างน้อย 3 ปี ถ้ามีความอดทนก็จะผลิดอกออกผลให้เห็นแน่ ทำให้คนไทยได้ชื่นใจ ผู้บริหารของบุรีรัมย์ก็ชื่นใจ”

“ข้อแม้อย่างเดียวคือต้องอดทนอดกลั้น ไม่มีอะไรง่าย แค่หายใจก็ยากแล้ว อากาศมันหนาว การอยู่การกินต่างๆ เพื่อนร่วมทีม หรือการดูถูกเหยียดหยาม โลกโซเชียล มันจะทำให้กดดันมากๆ ดังนั้นถ้าได้พิสูจน์ตัวเองผมเชื่อว่า ศุภณัฏฐ์ ทำได้ ผมพูดมาเสมอว่าเด็กคนนี้มีแววจะไปได้ไกลกว่าใครเพื่อน” อดีตกองหน้าทีมชาติไทย กล่าวผ่านช่องยูทูบ แตงโมลงปิยะพงษ์ยิง

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.