Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

เรือใบป้องกันแชมป์สโมสรฟุตบอลร่ำรวยที่สุดในโลก ราชัน-หงส์แดง อันดับ 2-3

Football Sponsored
Football Sponsored

เรือใบป้องกันแชมป์สโมสรฟุตบอลร่ำรวยที่สุดในโลก ราชัน-หงส์แดง อันดับ 2-3

เมื่อวันที่ 19 มกราคม “ดีลอยต์” บริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลก เปิดเผยผลการจัดอันดับสโมสรฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำฤดูกาล 2021-22 ปรากฏว่า จากท็อป 20 มีสโมสรจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกลูกหนังยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ติดโผเข้ามาถึง 11 ทีม

สำหรับทีมที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยังคงเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก เหมือนกับฤดูกาลที่แล้ว ด้วยรายได้รวม 731 ล้านยูโร (26,316 ล้านบาท) ตามด้วยรีล มาดริด แชมป์ลาลีก้า สเปน 713.8 ล้านยูโร (25,696.8 ล้านบาท) ขณะที่อันดับ 3 เป็นลิเวอร์พูล ซึ่งคว้า 2 แชมป์กับ 2 รองแชมป์ฤดูกาลที่แล้ว ขยับขึ้นมาจากอันดับ 7 มีรายได้ 701.7 ล้านยูโร (25,261.2 ล้านบาท)

ทีมอื่นๆ จากพรีเมียร์ลีกที่ติดอันดับท็อป 20 ทีมที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 4), เชลซี (อันดับ 8), อาร์เซน่อล (อันดับ 10), เวสต์แฮม (อันดับ 15), เลสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 17), ลีดส์ ยูไนเต็ด (อันดับ 18), เอฟเวอร์ตัน (อันดับ 19) และนิวคาสเซิล (อันดับ 20)

รายได้รวมของสโมสรท็อป 20 คิดเป็น 9,200 ล้านยูโร (331,200 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากฤดูกาล 2020-21 ถึง 13 เปอร์เซ็นต์ เหตุผลหลักๆ เนื่องจากวงการลูกหนังปลดล็อกมาตรการควบคุมโควิดกลับมาเปิดให้แฟนๆ เข้าสนามแข่งขันได้อย่างเต็มรูปแบบแล้วนั่นเอง

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.