Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

ตำนาน “เปเล่” กับคนไทย 52 ปี จุดประกาย “บอลโลก”

Football Sponsored
Football Sponsored

มาเขียนถึงช่วงนี้แม้จะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังพอทันกาลนะครับ เพราะเพิ่งจะมีพิธีฝังศพของเขาอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อ 2 วันนี้เอง

ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นอัจฉริยะของเขาในเชิงฟุตบอล “ระดับโลก” ได้มีการเขียนถึงไปเป็นอันมากแล้ว

ผมจะขออนุญาตเขียนในส่วนที่เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาฟุตบอลไทย การพัฒนารสนิยมของการดูบอลของคนไทย และ การพัฒนาสื่อไทย ก็แล้วกัน เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครเขียนถึงมากนัก

ท่านที่มีอายุเกิน 70 ปี คงจะพอจำได้ว่าสื่อมวลชนหลักของประเทศไทยเมื่อ 60 ปีก่อน มีอยู่ 2 สื่อเท่านั้น คือหนังสือพิมพ์กับวิทยุ

ในขณะที่โทรทัศน์แม้จะเริ่มออกอากาศกันแล้ว แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร รับดูชมได้เฉพาะเมืองใหญ่ๆเท่านั้น

เมื่อพูดถึง หนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อหลักอันดับ 1 และมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของคนไทยเป็นอันดับ 1 ในยุคดังกล่าว ในฐานะที่เป็นสื่อในการรวบรวมข่าวสารพัดที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลกมาให้อ่านมากที่สุด เมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆในแต่ละวัน

ข่าวกีฬา ถือเป็นข่าวหนึ่งที่คนไทยในอดีตติดตามด้วยความชื่นชอบ แต่ก็มักจะเป็นข่าวเกี่ยวกับ “ชกมวย” เสียมากกว่า

เพราะกีฬาฟุตบอลเมื่อ 60 ปีก่อนยังได้รับความนิยมอย่างจำกัด ยิ่งฟุตบอลต่างประเทศด้วยแล้วแทบไม่มีข่าวในบ้านเราเลย

แม้แต่ข่าว ฟุตบอลโลก ซึ่งเริ่มดังไปทั่วโลกบ้างแล้วในยุคโน้น แต่สำหรับประเทศไทย ข่าวบอลโลกยังเป็นเพียงข่าว “หน้ากีฬา” หรือ “หน้าใน” หนังสือพิมพ์และเป็นข่าวเล็กๆเท่านั้น

รวมทั้งในปี 1958 หรือ พ.ศ.2501 ที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ที่สวีเดน ซึ่งถือเป็นปีแจ้งเกิดของ “เปเล่” หนังสือพิมพ์บ้านเราก็เพียงแค่เสนอข่าวและภาพเล็กๆเป็นส่วนใหญ่

ทั้งๆที่ในปีดังกล่าว เปเล่ อายุแค่ 17 ปีเศษ และในวันที่ บราซิล เข้าชิงแชมป์บอลโลกกับ สวีเดน เจ้าภาพนั้น ถือว่าเป็นผู้เล่นบอลโลกอายุน้อยที่สุด แต่ก็สามารถยิงประตูได้ถึง 2 ประตูจากชัยชนะ 5-2 ของบราซิล

ถัดมาใน ค.ศ.1982 หรือ พ.ศ.2505 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 ที่อุรุกวัยเป็นเจ้าภาพ บราซิล ก็คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 มาครองได้อีกแบบทันทีทันควัน 2 สมัยซ้อนแต่ก็ยังเป็นข่าวเล็กๆของประเทศไทยอยู่ดี

มาถึงปี 1966 หรือ พ.ศ.2509 อังกฤษขันอาสาเป็นเจ้าภาพและคนไทยเราเริ่มรู้จักฟุตบอลโลกมากขึ้น มีการพูดถึงนักเตะดังๆหลายคนของปีดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะนักเตะอังกฤษ “แชมป์โลก” ในปีนั้น

แต่ก็ยังเป็นการรับรู้จากข่าวเล็กๆหน้าในเช่นเดิม

จนกระทั่ง ค.ศ.1970 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 ที่ เม็กซิโก และ เปเล่ ซึ่งเคยท้อแท้ใจจากการถูกเตะน่วม จนอยากจะเลิกฟุตบอลได้หวนกลับสู่ทีมชาติบราซิลอีกครั้งพร้อมขุนพลเลือดใหม่ชาวบราซิลกะตั้กใหญ่

ฟุตบอลโลก ค.ศ.1970 หรือ พ.ศ.2513 นี่เองที่ถือเป็น “ตำนาน” ทั้งของฟุตบอลโลก และการทำข่าวบอลโลกในประเทศไทย

ดังที่ผมเคยเล่าไว้แล้ว 2 ยักษ์ใหญ่ “ไทยรัฐ” และ “เดลินิวส์” แข่งกันนำข่าวบอลโลกขึ้นพาดหัวยักษ์หน้า 1 และกลายเป็นข่าวที่ขายดีมากข่าวหนึ่งในประวัติศาสตร์หนังสือพิมพ์บ้านเรา

ขณะเดียวกันทีมชาติบราซิล ที่ประกอบด้วย 3 ทหารเสือกองหน้า “เปเล่”, “ทอสเทา” และ “แจร์ชินโฮ” ก็เล่นโดดเด่นมาก

ทำให้แฟนบอลไทยหันมาเชียร์ทีมชาติบราซิลราวกับเชียร์ทีมชาติไทยอย่างไรอย่างนั้น กลายเป็นแรงกดดันทางการเมือง ทำให้รัฐบาลใน พ.ศ.ดังกล่าว (จอมพลถนอม กิตติขจร) ต้องตัดสินใจถ่ายทอดสดนัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง บราซิล กับ อิตาลี โดยช่อง 4 บางขุนพรหม

นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทางโทรทัศน์ครั้งแรกของประเทศไทย

เปเล่กับทีมชาติบราซิลเป็นพระเอก เอาชนะทีมชาติอิตาลีได้ 4-1 โดยเปเล่เป็นคนเบิกประตูแรกในนาทีที่ 18 และได้ ฟุตบอลทองคำ” นักเตะยอดเยี่ยมไปครองด้วย…สมใจคนไทยทั้งประเทศที่เชียร์เขาและทีมชาติบราซิลในช่วงดึกของวันที่ 22 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย

นี่คือส่วนหนึ่งของตำนานและเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆของเปเล่ กับวงการฟุตบอลไทย แฟนบอลชาวไทย และสื่อมวลชนไทย

เป็นสุขเป็นสุขเถอะ “เปเล่” ขอบคุณสำหรับการ “จุดพลุ” ฟุตบอล โลกไว้ในหัวใจคนไทยนับแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้ 52 ปี พอดีเป๊ะเลย!

“ซูม”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.