สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตกเชิญ ‘ช้างศึก’ ร่วมฟาดแข้ง 12 ชาติมีทั้ง ‘ยูเออี-อิรัก-ซาอุฯ-คูเวต-โอมาน’
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 มีรายงานว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับเชิญจาก สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก หรือ “WAFF” เชิญไปร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในช่วง “ฟีฟ่าเดย์” เดือนมีนาคมนี้ โดยมี 12 ชาติเข้าร่วมคือ “เจ้าภาพ” ยูเออี, จอร์แดน, เลบานอน, ปาเลสไตน์, อิรัก, ซีเรีย, ซาอุดีอาระเบีย, เยเมน, บาห์เรน, คูเวต, โอมาน และไทย
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า ทีมชาติไทยถูกเชิญไปแข่งขันจริงและเป็นชาติเดียวที่อยู่นอกภูมิภาคเอเชียตะวันตกที่ถูกเชิญไปร่วมทัวนาเมนต์นี้ ซึ่งสมาคมฯ มีความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นโอกาสที่จะได้แล่นกับทีมที่อันดับโลกดีกว่า ทำให้ทีมชาติไทยมีลุ้นเก็บแต้มเพื่อขยับอันดับโลกให้สูงขึ้นกว่าเดิม
“กรณีนี้จะเหมือนกับที่ ญี่ปุ่น อยากไปเล่น ยูฟ่า เนชั่นลีก ของยุโรป ซึ่งไทยก็เป็นทีมนอกภูมิภาคที่มีโอกาสจะไปเตะทัวนาเมนต์ชิงแชมป์เอเชียตะวันตก สาเหตุที่ WAFF เชิญทีมชาติไทยเพราะได้มีการพูดคุยกันแล้วมีความสนใจจึงมีการเชิญไปแข่งขันอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งนี้ สมาคมฯ ยังไม่ได้มีการตอบกลับไปเพราะต้องหารือกันก่อน”
เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นคือช่วงฟีฟ่าเดย์อยู่ในระหว่างวันที่ 20-28 มีนาคม แต่ทัวนาเมนต์ชิงแชมป์เอเชียตะวันตกใช้เวลาแข่งขันมากกว่านั้นหลายวัน ตรงนี้จะมีผลต่อโปรแกรมฟุตบอลไทยลีกที่อาจต้องขยับไปเตะเพิ่มในนัดกลางสัปดาห์ ทำให้ต้องมีการหารือกับสโมสรและไทยลีกก่อน คิดว่าหลังจบเทศกาลปีใหม่คงได้มีการนัดประชุมเพื่อพุดคุยกัน
“ทีมชาติไทยได้เตะแน่ๆอย่างน้อย 3 นัดในรอบแรกกับทีมที่จะช่วยทำให้อันดับโลกของเราขยับขึ้นสูงกว่าเดิม ตรงนี้จะมีผลต่อการเป็นทีมวางในการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย และฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ไปถือว่าน่าเสียดาย” พ่อบ้านสมาคมลูกหนังไทยกล่าว