Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

“พิสมัย” แข้งสาวทีมชาติไทย ลัดฟ้าล่าแชมป์ลีกไต้หวันกับ “ไท่ฉวง บลูเวลล์”

Football Sponsored
Football Sponsored

“ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์ ดาวเตะสาวทีมชาติไทย เปิดตัวกับ ไท่ฉวง บลูเวลล์ แชมป์ลีก 2 สมัยและฟุตบอลถ้วย 1 สมัยของไต้หวันอย่างเป็นทางการ

วันที่ 6 เม.ย. 64 ไท่ฉวง บลูเวลล์ ทีมฟุตบอลหญิงชั้นนำของไต้หวัน ดีกรีแชมป์ลีก 2 สมัยและฟุตบอลถ้วย 1 สมัย เปิดตัว “ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์ ดาวเตะหญิงทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ โดยรับเสื้อหมายเลข 6 หลังจากเดินทางไปถึงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนเข้ารับการกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19

ทั้งนี้ พิสมัย สอนไสย์ เจ้าของฉายาดาวเตะสารพัดประโยชน์ของทีมชาติไทย เคยได้โอกาสไปค้าแข้งในลีกฟุตบอลหญิงของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลีกที่ดีที่สุดลีกหนึ่งของเอเชียกับสโมสร สเปแรนซา เอฟซี โอซากา ในปี 2013 และได้โชว์ศักยภาพออกมาในช่วงปรีซีซั่น

แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่รุมเร้า ทำให้เจ้าตัวได้ลงสนามเป็นตัวจริงแค่เกมเดียว และส่งผลให้เจ้าตัวไม่ได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างฟุตบอลโลกหญิง 2015 ที่แคนาดาเป็นเจ้าภาพ

ท้ายสุด “ปุ๋ย” สามารถสลัดอาการบาดเจ็บ และรีดฟอร์มเก่งจนมีชื่อติดทีมชาติไทยไปลุยศึกฟุตบอลโลกหญิง 2019 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหลังจากจบทัวร์นาเมนต์ เจ้าตัวได้โอกาสไปค้าแข้งที่ไต้หวันกับสโมสร อินเตอร์ เถาหยวน ซึ่งถือเป็นสาวไทยคนแรกที่ไปเล่นฟุตบอลหญิงอาชีพในประเทศไต้หวัน

ลีกฟุตบอลหญิงไต้หวัน มีทั้งหมด 6 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 เลก หลังจบลีกจะมีฟุตบอลถ้วยต่อทันที โดยทีมล่าสุดที่ได้แชมป์ฟุตบอลลีกหญิงไต้หวันก็คือทีม ไท่ฉวง บลูเวลล์ ทีมที่ “ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์ เข้าไปร่วมทีม

สำหรับ พิสมัย สอนไสย์ ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปี (พ.ศ. 2548) เดิมทีเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งกองหน้า ก่อนจะผันตัวมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ลงเล่นให้ทัพ “ชบาแก้ว” ไปแล้ว 115 เกม ซัดไป 75 ประตู

*ขอบคุณภาพจาก Facebook : 台中藍鯨 Taichung blue whale , ข้อมูลจาก Facebook : ช้างศึก

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง