Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

จอมหนึบฝีมือดีที่เคยผ่านการเทรนจาก จอห์น อัคเตอร์แบร์ก

Football Sponsored
Football Sponsored

โทษฐานที่วันเสาร์ที่ 25 และอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายนนี้ จอห์น อัคเตอร์แบร์ก โค้ชผู้รักษาประตู ลิเวอร์พูล จะมาเปิด ‘คลินิกฟุตบอล’ ให้กับเยาวชนชาวไทย และยังมี ‘อบรมพิเศษ’ ให้กับบรรดาผู้ฝึกสอน ว่าแล้ว ‘สยาม สปอร์ต’ จึงขันอาสาเฟ้าหาข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คุณได้รู้จักกับเขากันมากขึ้นกว่าเดิม

    โดยบทความชิ้นนี้เป็นเรื่องของจอมหนึบที่ผ่านการเทรนกับ อัคเตอร์แบร์ มาแล้ว!!

    1. เปเป้ เรน่า (สเปน) อดีตผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติสเปน ผู้ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ถึง 10 ปี และได้อยู่ภายใต้การดูแลของ จอห์น ราวๆ 3 ปี ก่อนเจ้าตัวจะย้ายออกจากทีมไปในปี 2014  สถิติการร่วมงานกันของทั้งคู่ เรน่า ลงเล่นในช่วงปี 2011-13 ทั้งสิ้น 89 เกม เสียไป 69 ประตู ตัวเลขอาจจะดูไม่สวยงามเท่าไหร่นัก อันเนื่องผลงานโดยรวมของทีมที่ลุ่มๆ ดอนๆ 

    แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้สีเสื้อแดงเพลิง เรน่า มีการพัฒนาอยู่เสมอ เป็นผู้รักษาประตูที่เก๋า เป็นผู้นำและอ่านเกมได้ดี จนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติและสโมสร

    2. ซิมง มิโญเล่ต์มือกาวชาวเบลเยียม โยกย้ายจากถิ่น สเตเดี้ยม ออฟ ไลต์ (ซันเดอร์แลนด์) สู่ แอนฟิลด์ ในปี 2013 เขาทำงานร่วมกับ จอห์น ถึง 7 ปี เต็มๆ ในช่วงที่ค้าแข้งอยู่กับ ลิเวอร์พูลผลงานตลอดระยะเวลาที่ มิโญเล่ต์ เฝ้าเสาให้หงส์แดง เขาลงเล่นไปทั้งหมด 142เกม เสียไปทั้งสิ้น 122 อาจดูเป็นจำนวนที่เยอะ แต่ผลงานของทีมดีขึ้นเรื่อยๆ แบบมองเห็นอนาคต เท่านั้นไม่พอ ภายใต้การกำกับดูแลของ จอห์น ทำให้ มิโญเล่ต์ มีสถิติไม่เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก นานถึง 390 นาที และยังขึ้นแท่นเป็นผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ในการเซฟจุดโทษ

    3. อลีสซง เบ็คเกอร์ ลิเวอร์พูล ทุบกระปุกสู่ขอจาก โรม่า ในปี 2018 เป็นค่าตัวสถิติโลกของตำแหน่งผู้รักษาประตู ด้วยเม็ดเงินราว 67 ล้านปอนด์ ณ ขณะนั้น การมาของ อลีสซง เปลี่ยนแปลงหงส์แดงไปตลอดกาล การกวาดแชมป์ทุกถ้วยที่ลงเล่น ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย โดยเฉพาะ ‘ยาชิน โทรฟี่  2019’ ที่เปรียบเสมือน ‘บัลลงดอร์’ แห่งผู้รักษาประตู และซีซั่นล่าสุด (2021-22) ก็สร้างสถิติ ‘คลีนชีต’ ใน พรีเมียร์ลีก ไปถึง 20 เกม

    การทำงานของ จอห์น ส่งผลให้แผนกผู้รักษาประตูของสโมสรแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนเป้าประสงค์ในการทำงานของเขาคือการทำให้ อลีสซง สมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพัฒนาเยาวชนให้ขึ้นมาเป็นกำลังหลักได้ด้วยเช่นเดียวกัน

    4. ควิวีน เคลเลเฮอร์หากพูดถึงผู้รักษาประตูดาวรุ่งของสโมสร ลิเวอร์พูล ที่ จอห์น บ่มเพาะจนได้ที่และถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่นั่นคือเด็กหนุ่มวัย 23 ปี จากไอร์แลนด์ คนนี้นี่แหละ เคลเลเฮอร์ ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อ กันยายน 2019 ในถ้วย ลีก คัพ ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ตื่นตระหนก และยังใช้เท้าได้เป็นอย่างดี 

    จอมหนึบรูปหล่อก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นมือสองให้กับทีมภายในระยะเวลา 2 ปี ที่เขาได้ลงเล่นเกมแรก ดาวรุ่งคนนี้มีคุณสมบัติที่ดีในการเติบโตไปเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก เรื่องนี้ ทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ จอห์น ต่างยืนยัน ฤดูกาล 2021-22 เขาเป็นตัวหลักและมีบทบาทสำคัญในการพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ และแน่นอนเขาอยู่ในเส้นทางของการก้าวสู่นักเตะชั้นนำภายใต้ต้นสังกัดที่เพียบพร้อมและมีโค้ชคุณภาพอย่าง จอห์น คอยกำกับ

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.