พยงค์เผยให้บอร์ดตราดตัดสินใจอนาคตคุมทีม




ความเคลื่อนไหวของทีม “ช้างขาวเจ้าเกาะ”ตราด เอฟซี ทีมรองบ๊วยของศึกไทยลีก2020-21 ที่ตกชั้นไปเล่นในไทยลีก2ฤดูกาลหน้าแล้วนั้น แต่ทีมยังคงมีภาระกิจสำคัญกับการลงเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอคัพ 2020-21 ที่จะต้องไปเยือน ชลบุรี เอฟซี ในวันที่ 3 เม.ย.64
ล่าสุด “โค้ชพยงค์ ขุนเณร” กุนซือ ตราด เอฟซี ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่บุกแพ้ สมุทรปราการ ซิตี้ 1-3 ในศึกไทยลีก2020-21 นัดที่ 29 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ตราด เอฟซี ต้องเหลือ 10 คน สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ กองกลางของทีมโดนใบแดงในช่วงครึ่งหลังด้วย
“เกมกับสมุทรปราการ ซิตี้ ดูเหมือนว่าเรามีโอกาสจะกลับสู่เกมได้ จากที่ได้ประตูตีไข่แตกไล่มา 1-2 แต่สุดท้ายเราก็ไปเสียสมาธิ เกมหน้าคือเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่เราจะได้เล่นในบ้าน เล่นต่อหน้าแฟนบอลในเกมสุดท้าย เราจะพยายามทำให้เต็มที่ ซึ่งเรามีงานสำคัญรออยู่กับรอบ 8 ทีม ฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอคัพ ที่จะต้องไปเยือน ชลบุรี เอฟซี ด้วย”
ผู้สื่อข่าวถาม โค้ชพยงค์ ขุนเณร ว่าจะทำทีมตราด เอฟซีต่อในฤดูกาลหน้าหรือไม่ซึ่งแฟนบอลถามกันเข้ามาเยอะมากกับประเด็นนี้ ซึ่งกุนซือตราด เอฟซี ตอบว่า
“ตรงนี้คงต้องอยู่ที่บอร์ดบริหารว่าต้องการให้ทิศทางของทีมเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่จากวิกฤต โควิด-19 ส่งผลกระทบต่องบประมาณและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ถือว่าค่อนข้างหนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน”
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport

ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.