Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

G

Football Sponsored
Football Sponsored

แฟนบอลที่ได้ชมเกมพรีเมียร์ลีกที่เวสต์แฮม ยูไนเต็ดพบกับเอฟเวอร์ตันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น่าจะได้สังเกตเห็นว่า เมสัน โฮลเกต กองหลังของเอฟเวอร์ตันนั้นลงสนามด้วยการใส่ถุงเท้าที่มีการเจาะรู

ถุงเท้าของ โฮลเกต นั้นเต็มไปด้วยรอยขาดเป็นรูพรุนอยู่เต็มมากมาย และเขาก็ไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้ด้วย

GOAL จะมาอธิบายว่าทำไม โฮลเกต และนักเตะคนอื่นๆ อีกมากมาย จึงเลือกที่จะเจาะรูถุงเท้าของพวกเขา

Editor Picks

  • โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
  • Thai League 2021 Top Assists : สรุปอันดับจอมแอสซิสต์ไทยลีก
  • ดาวซัลโวไทยลีก 2021 : แฮมิลตันนำเดี่ยว, อิบสันทาบศุภชัย
  • IN NUMBERS : ลิโอเนล เมสซี ยิงได้กี่ประตูในชีวิตค้าแข้ง?

ทำไมต้องเจาะรูถุงเท้า?

เป็นที่ทราบกันดีว่า บรรดานักเตะเลือกทำแบบนี้เพื่อบรรเทาแรงกดบนกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งมักจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหากว่าสวมใส่ถุงเท้าที่คับและบีบรัดขาจนเกินไป

ยิ่งนักเตะคนไหนที่มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขาค่อนข้างใหญ่ การใส่ถุงเท้าที่คับเกินไปอาจเป็นปัญหาได้ ซึ่งจะส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่ดี โดยการเจาะรูถุงเท้าก็ทำเพื่อให้มีระบบไหลเวียนได้ดีขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อได้มีอากาศถ่ายเท

ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักเตะบางรายที่ชอบเจาะรูถุงเท้า เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ และช่วยให้ลงเล่นได้อย่างประสิทธิภาพในสนามมากขึ้นนั่นเอง

ใครเป็นผู้ริเริ่มทำแบบนี้?

เมสัน โฮลเกต ไม่ใช่ผู้เล่นคนแรกที่ทำแบบนี้ เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีสองนักเตะรุ่นพี่ชาวอังกฤษอย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ รวมถึง แดนนี โรส เคยทำมาก่อนแล้ว

ขณะที่ เอเซเกล การาย อดีตกองหลังชาวอาร์เจนไตน์ของบาเลนเซีย เคยถูกบังคับให้เปลี่ยนถุงเท้าใหม่ หลังจากที่ผู้ตัดสินมองว่าถุงเท้าที่เขาใส่นั้นเจาะรูมากจนเกินไปจนเหมือนแทบจะไม่ได้ใส่ถุงเท้า

นอกจากนี้นักเตะใส่ถุงเท้าแบบเจาะรูแล้ว การใส่ถุงเท้าแบบเพียงแค่ครึ่งหน้าแข้งก็เป็นนิยมมายาวนานทุกยุคสมัย โดยนักเตะในปัจจุบันที่เป็นแบบนี้จนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวก็คือ แจ็ค กรีลิช ดาวเตะดีกรีค่าตัว 100 ล้านปอนด์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั่นเอง 

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.