Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

เพื่อคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ! 5 ปัญหาที่ คล็อปป์ ต้องแก้ไขหลังยืนยันฝากอนาคตกับลิเวอร์พูล

Football Sponsored
Football Sponsored

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ได้ออกมาประกาศจุดยืนที่จะอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไป หลังจากที่ชื่อของเขาอยู่ในลิสต์ที่จะมีโอกาสก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติเยอรมนี ต่อจาก โยอัคคิม เลิฟ

เลิฟ ได้เปิดเผยอนาคตของตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะอำลาทัพ “อินทรีเหล็ก” หลังจากจบการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” (เลื่อนมาแข่งปีนี้) นั่นทำให้เกิดการคาดการณ์ของสื่อว่า คล็อปป์ คนหนึ่งในตัวเลือกที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน

 อย่างไรก็ตาม กุนซือเลือดด๊อยท์ช ซึ่งมีสัญญาอยู่กับทีมจนถึงปี 2024 ได้ยืนยันแล้วว่าไม่ต้องการที่จะอำลาถิ่นแอนฟิลด์ ฉะนั้นการที่เขาเลือกอยู่กับทีมอย่างน้อยอีก 3 ปี ทำให้เขาต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่เพื่อให้ทีมกลับคืนสู่ความสุดยอดอีกครั้ง 
 
1.  เร่งฟื้นคืนฟอร์มในบ้าน

 ก่อนหน้านี้การเดินทางมายังถิ่นแอนฟิลด์ของบรรดาทีมเยือน ต่างก็รู้สึกขาสั่นเพราะเมกะลูกหนังแห่งนี้เปรียบดั่งนรกสำหรับอาคันตุกะ ด้วยสถิติไร้พ่าย 68 เกมหรือมากกว่า 3 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “หงส์แดง” จะสยายปีกเมื่อเล่นในบ้านตัวเอง

 อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวกลับตาลปัตรไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสเป็นต้น ผลงานในบ้านของพวกเขาย่ำแย่เกินจะห้ามใจ ล่าสุดก็เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำเมื่อแพ้คาแอนฟิลด์ในเกมลีก 6 แมตช์ติดต่อกัน 

 หากจะอ้างว่าการขาดสาวก “เดอะ ค็อป” คอยส่งเสียงกระตุ้นก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะทีมอื่นๆ ก็เจอกับสถานการณ์แบบเดียวกัน ฉะนั้นตอนนี้ คล็อปป์ จึงต้องรีบเรียกสติของทัพ “หงส์แดง” กลับมาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะสร้าง แอนฟิลด์ ให้กลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งอีกครั้ง 
 
2. เปิดฉากพูดคุยกับบอร์ดบริหารเอฟเอสจี

 เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป กลุ่มทุนเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลนิ่งเงียบไม่สนใจเรื่องการเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ทัพ “เดอะ เร้ดส์” มีปัญหาสำคัญในตำแหน่ง เซนเตอร์แบ็ก

 ลิเวอร์พูล ต้องใช้ ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาทำหน้าที่เป็นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น เนื่องจากทีมขาด เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป ที่มีปัญหาบาดเจ็บ แต่บอร์ดบริหารไม่ยอมทุ่มเงินเพื่อซื้อกองหลังชั้นดีมาเสริมทัพ

 อาจจะด้วยเหตุผลด้านการเงินเนื่องจากสโมสรขาดสภาพคล่องนับตั้งแต่ที่โลกต้องประสบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกระทั่งช่วงเดดไลน์ตลาดพ่อค้าแข้ง ทีมได้ โอซาน คาบัค (ยืมตัว) กับ เบน เดวิส นักเตะระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 

 หลังจากที่ คล็อปป์ ยืนยันเรื่องแผนที่จะอยู่กับทีมต่อไป งานนี้เขาต้องเข้าไปเคาะประตูห้องบอร์ดบริหารเพื่อที่จะเจรจาเรื่องการดึงผู้เล่นชั้นยอดมาอุดช่องโหว่ของทีมในทุกตำแหน่ง หากหวังจะประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า 
 
3. เคลียร์สถานการณ์ของ ไวจ์นัลดุม ให้ชัดเจน

 หนึ่งในเรื่องที่ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบจัดการก็คือกรณีของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งเขาต้องชี้ชัดฟันธงว่า มิดฟิลด์ชาวดัตช์ จะอยู่ในแผนการทำทีมต่อไป หรือจะปล่อยนักเตะให้ออกจาก
ถิ่นแบบฟรีเอเจนต์

 กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ จะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ และการเจรจาเรื่องการขยายสัญญาฉบับใหม่ก็ยังไม่คืบหน้า ต้องยอมรับว่า ไวจ์นัลดุม เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดของทีมในช่วงเวลานี้ ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จึงต้องพยายามที่จะโน้มน้าวใจให้นักเตะอยู่กับทีมต่อไป

 อย่างไรก็ตามหากโชคร้าย ไวจ์นัลดุม เลือกที่จะเดินออกจากถิ่นแอนฟิลด์ นั่นหมายควมว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน จำเป็นมองหาตัวตายตัว ดาวเตะชาวดัตช์ ทันทีในช่วงเปิดตลาดพ่อค้าแข้งช่วง
ซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ 
 
4. เซ็นปราการหลังตัวการเพิ่ม

 การเซ็นสัญญา เดวิส กับ คาบัค มาร่วมทีมช่วงเดือนมกราคม เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเซ็นสัญญาเซนเตอร์แบ็กชั้นยอดมาเสริมทัพให้ได้หลังจบซีซั่นนี้ เพื่อเป็นการป้องกันหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นแบบฤดูกาลนี้อีกครั้ง

 อาการบาดเจ็บของ ฟาน ไดค์, โกเมซ และ มาติป ส่งผลเสียหายหลายแสนกับผลงานของ “เดอะ เร้ดส์” อย่างมาก เพราะทำให้พวกเขาต้องสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางเพื่อทำหน้าที่ในเกมรับแทน และทำให้แผงมิดฟิลด์มีปัญหาไปด้วย

 ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเล็งเซนเตอร์แบ็กฝีเท้าชั้นยอดมาเสริมทัพ เพราะหากทีมเกิดสถานการณ์แบบเดียวกันนี้อีกครั้ง พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างที่ทำกันอยู่ในเวลานี้ 
 
5. จำเป็นต้องปรับทีมเพื่อสร้างความกระหายขึ้นใหม่

 หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลในยุค คล็อปป์ ต้องบอกว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมก็คือการที่มีแนวรุกชั้นยอดอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เล่นร่วมกันตั้งแต่ปี 2017

 ผลงานของสามประสาน “หิน เหล็ก ไฟ” ทำให้แนวรับคู่แข่งต้องครั่นคร้ามมาตลอดช่วงเกือบ 3 ซีซั่นที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการที่เล่นด้วยกันมานาน ทำให้พวกเขาเริ่มจะถูกจับทางได้ และ นั่นเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการแก้ไข

 สำหรับซัมเมอร์นี้ คล็อปป์ คงจะต้องมีการสร้างทีมขึ้นใหม่ โดยเฉพาะเกมรุกที่จะต้องหาผู้เล่นฝีเท้าระดับโลกมาเสริมแกร่ง เพื่อเป็นการเพิ่มความสดให้กับทีม และเป็นการสร้างความกระหายในชัยชนะมากยิ่งขึ้น

 ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่หนึ่งในสาม “เอสเอ็มเอฟ” จะโดนจำหน่ายออกไป แม้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่น่าอภิรมณ์สำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” แต่มันจำเป็นต้องทำ ไม่อย่างนั้นทีมจะขาดความกระหายความสำเร็จ

    ทอมเม้ง

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.