Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

สุดเศร้า!พบศพอดีตแข้งบียาร์เรอัลหลังจมน้ำหายไป2วัน

Football Sponsored
Football Sponsored

สมาคมลูกหนังอุรุกวัย แถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ ฟรังโก้ อคอสต้า หัวหอกที่เคยเล่นให้กับ บียาร์เรอัล และ ราซิ่ง ซานตานแดร์ หลังจมน้ำหายตัวไปเมื่อวันเสาร์ ก่อนที่ตำรวจจะพบร่างไร้วิญญาณเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

     ฟรังโก้ อคอสต้า อดีตกองหน้า “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล สโมสรดังในศึกลา ลีกา สเปน ถูกพบเป็นศพอยู่ริมแม่น้ำเมื่อวันจันทร์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากหายตัวไป 2 วัน จากการเปิดเผยของสมาคมฟุตบอลอุรุกวัย

     อดีตหัวหอกทีมชาติอุรุกวัย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ออกไปเล่นน้ำกับพี่ชายของเขาเมื่อช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา และทั้งคู่พยายามที่จะว่ายน้ำข้ามลำธารอาร์โรโย่ แพนโด้ ซึ่งอยู่ในเมืองกาเนโลเนส ประเทศอุรุกวัย อย่างไรก็ตามเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ อคอสต้า หายตัวไป ทำให้พี่ชายของเขาต้องรีบแจ้งตำรวจน้ำทันที

     จากการพยายามตามหาของโปลิศทางน้ำ ในที่สุดพวกเขาก็พบกับร่างไร้วิญญาณของ ดาวยิงวัย 25 ปี เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยสมาคมลูกหนังอุรุกวัย ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการสูญเสียครั้งนี้ว่า “เราขอแสดงความเสียใจอย่างสูงกับการเสียชีวิตของ ฟรังโก้ อคอสต้า นักฟุตบอลชาวอุรุกวัย ซึ่งเคยเล่นให้กับทีมชาติในระดับเยาวชน  และขอแสดงความเสียใจไปยังญาติๆ, เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วย”

     ขณะที่ บียาร์เรอัล ได้โพสต์ข้อความเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับ อคอสต้า ผ่านทางสื่อสังคมออไนล์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า “มันเป็นเรื่องที่สุดช็อก และช่างน่าเศร้าสลดกับการสูญเสียในครั้งนี้ เราจะจดจำนายไปชั่วนิรันดร์ ฟรังโก้” 

     ทั้งนี้ อคอสต้า ที่เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับ เฟนิกซ์ และติดธง อุรุกวัยระดับเยาวชน รวมทั้งเล่นให้ทีมชาติรุ่นยู-20 ในศึกฟุตบอลโลก 2015 ก่อนจะได้ย้ายไปอยู่กับ บียาร์เรอัล ในปีนั้น แต่สุดท้ายไม่สามารถแจ้งเกิดได้ จากนั้นถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ราซิ่ง ซานตานแดร์ 6 เดือน และสุดท้ายกับไปค้าแข้งในบ้านเกิดในปี 2018 กับ บอสตัน ริเวอร์ ตามด้วย พลาซ่า โคโลเนีย โดยเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาเขาค้าแข้งอยู่กับ เอเธนส์ ซาน การ์ลอส 

 

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.