Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

“บิ๊กเน” กระตุ้น “แข้งบุรีรัมย์” เก็บชัยทุกนัด+แชมป์เอฟเอ คัพ

Football Sponsored
Football Sponsored

“บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกโรงกระตุ้นทัพ “แข้งปราสาทสายฟ้า”  ต้องคว้าชัยทุกนัดเพื่อรักษาตำแหน่ง “รองจ่าฝูงไทยลีก” และ ต้องผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอล “ช้าง เอฟเอ คัพ 2020” มาครองให้ได้ เพื่อเป็นของขวัญให้แฟนๆ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 ตามที่ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เตรียมลงทำศึกฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2020/21” นัดที่ 24 โดยจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด เอฟซี ในเย็นวันนี้ (2 มี.ค.64) ที่ ช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ เวลา 18.30 น.

ล่าสุด “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาเปิดผ่านหนังสือ แมตช์เดย์ของสโมสรฯ เพื่อปลุกเร้านักเตะทัพ “ปราสาทสายฟ้า” โดยมีใจความสำคัญว่า “มุ่งหน้าคว้าชัยชนะ” 

“เป้าหมายของเราในฤดูกาลนี้คือจบด้วยตำแหน่งที่ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ตามความสามารถที่เรามีหน้าที่ของเราในขณะนี้ คือ สร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา และความสุข
ตอบแทนให้แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคน งานของเราในช่วงเวลานี้ คือ การเยียวยา และพัฒนาทีมที่เคยผิดพลาด บกพร่องและไม่สามารถทำงานได้ตามแผน ไม่สามารถรักษามาตรฐานของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด”

“ทุกสิ่งที่เราทำในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คือ การแข่งกับตัวเอง การสู้กับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักมาก โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมงานทุกคนว่า พวกเรายังมีดีพอที่จะก้าวไปข้างหน้าตามมาตรฐานของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อเราปรับสภาพทีมได้ ปรับหัวใจของทีมได้ รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เราก็สามารถกลับมาได้ แม้จะยังไม่เหมือนเดิมทุกประการ ทุกมิติด้วยเหตุผลทั้งในสนาม ข้างสนาม และนอกสนามแต่เชื่อว่าแฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด”

  • เช็กผลจับสลาก FA CUP รอบ8ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์ ปะทะ เมืองทอง
  • “ปราสาทสายฟ้า” ฟอร์มยังแรงบุกคว้าชัยในศึก “ดาร์บี้แมตช์อีสาน”
  • “บุรีรัมย์” ใจถึงให้ “โคราช” ส่ง “คานยุค” ลงดวล “ดาร์บี้อีสานใต้”

 บิ๊กเน เผยต่อว่า ทุกคนได้เห็นมิติใหม่ๆ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน การใช้แกนหลักของทีมเป็นนักเตะไทย การใช้ผู้เล่นหมุนเวียนตำแหน่งได้อย่างลงตัว ทดแทนกันได้ในแต่ละเกม ทำให้ทีมของเรา สามารถสร้างผลงานที่ดีได้อย่างน่าพอใจผลงานในสนาม และลำดับบนตารางพิสูจน์ให้ได้เห็นว่า เรากำลังกลับมาเป็น “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ด้วยจิตวิญญาณ จริงๆ
คือ “แพ้ได้ แต่ต้องไม่ยอมแพ้” ผมบอกกับลูกทีมว่า มาถึงสถานการณ์ตรงนี้ ของฤดูกาลนี้ “ไม่ใช่ ต้องไม่ยอมแพ้”แต่เราต้องไม่แพ้อีกแล้ว

” ในทุกนัดที่รออยู่ข้างหน้าเรามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ เพื่อเยียวยารักษาหัวใจของแฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคน คือ1. ต้องรักษาลำดับนี้ บนตารางไทยลีก ไว้ให้ได้จนจบฤดูกาล 2020
2. ต้องไปให้ถึงรอบชิงฯ ช้าง เอฟเอคัพ แล้วเอาถ้วยรางวัล กลับ ช้างอารีนา ให้ได้ ด้วยภารกิจที่อยู่ตรงหน้า เราต้องพัฒนาทีมปรับปรุงทีม และยกระดับของทีมให้มีมาตรฐานสูงขึ้นไปทุกๆ นัดและต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ข้อ”

“เกมเปิดบ้านรับ ตราด เอฟซี ไม่ใช่งานง่ายเมื่อต้องมาเจอกับทีมที่ ต้องการแต้มทุกแต้มในสถานการณ์ที่เรา ก็ต้องการแต้มทุกแต้ม เพื่อรักษาสถานะ และเป้าหมายของเรา เช่นกัน เกมนี้ โชคดีที่เราได้เล่นในบ้าน และมีแฟนบอลเข้าเชียร์ได้เป็นเกมแรก ของช่วงท้ายฤดูกาล มาช่วยกันนะครับบางทีเกมนี้ อาจจะต้องวัดชัยชนะกันที่พลังของแฟนบอลในสนาม ก็เป็นได้ใน ช้างอารีนา แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้ใครนักฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยากจะคว้าชัย อยากจะดีใจต่อหน้ากองเชียร์ แล้วครับ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ฯ เผยทิ้งท้าย  

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.