Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

‘ราชบุรี’ จ่อรับส้มหล่น! ได้สิทธิบู๊ ‘เอซีแอล’ รอบแบ่งกลุ่มแทน ‘เจียงซู’

Football Sponsored
Football Sponsored

‘ราชบุรี’ จ่อรับส้มหล่น! ได้สิทธิบู๊ ‘เอซีแอล’ รอบแบ่งกลุ่มแทน ‘เจียงซู’

จากกรณีที่ เจียงซู ซูหนิง ทีมแชมป์ไชนีส ซุปเปอร์ลีก 2020 ของประเทศจีน ประกาศยุบทีม ส่งผลถึงรอบแบ่งกลุ่มศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ที่เจียงซูเป็นทีมวางในกลุ่มจี ร่วมกับ นาโกยา แกรมปัส (ญี่ปุ่น) และ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม (มาเลเซีย) ส่วนอีกทีมรอจากรอบเพลย์ออฟ ระหว่าง โปฮัง สตีลเลอร์ส(เกาหลีใต้) กับ ราชบุรี มิตรผล ทีมอันดับ 4 ไทยลีก 2020-21 เลกแรก

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า การที่เจียงซูถอนทีมนั้น ทำให้มีโอกาสที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) จะดันทั้ง โปฮัง กับ ราชบุรี ให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มจี ทันที ดังนั้นจะทำให้ทีม “ราชันมังกร” สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก

ขณะเดียวกันทางเอเอฟซี ได้สอบถามยังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่าพร้อมจะเป็นเจ้าภาพในกลุ่มนี้หรือไม่ เพราะมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลยู-23 ชิงแชมป์เอเชียมาแล้ว มีความพร้อมทั้งเรื่องสนามและโรงแรมที่พัก จึงค่อนข้างเชื่อมั่นในประเทศไทย

ส่วนกรณีที่อีก 2 ทีมจากไทยในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี เสนอตัวเป็นเจ้าภาพสนามกลางนั้น มีรายงานข่าวว่า บีจี ปทุม ในกลุ่มเอฟ มีโอกาสูงที่จะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากว่าในกลุ่มทั้ง อุลซาน ฮุนได แชมป์เก่า จากเกาหลีใต้, เวียตเทล จากเวียดนาม และทีมจากรอบเพลย์ออฟ (เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี จากจีน หรือบริสเบน โรอาร์ จากออสเตรเลีย กับ คายา จากฟิลิปปินส์) ไม่มีทีมใดเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ

ส่วนการท่าเรือ ที่อยู่ร่วมกลุ่มเจกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จากจีน, คิตฉี จากฮ่องกง และทีมจากรอบเพลย์ออฟ (เซเรซโซ โอซาก้า จากญี่ปุ่น หรือ เมลเบิร์น ซิตี้ กับ ฉาน ยูไนเต็ด จากพม่า) มีทีมที่เสนอตัว จึงต้องรอการพิจารณาจากเอเอฟซีต่อไป

นอกจากนี้มีรายงานว่า ยังมีกลุ่มหนึ่งไม่มีทีมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ และเอเอฟซี สอบถามความพร้อมของไทยว่าจะสามารถจัดได้หรือไม่ ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พยายามหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอด แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเอเอฟซีด้วย

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.