ทำให้เกิดอุบัติเหตุในเกมก็ไม่ได้เสียแล้ว เสียเลย พลาดแล้วตกรอบทันที….
ฮอลแลนด์คือหนึ่งในสามทีมที่ชนะรวดรอบแรก เหมือนกับ อิตาลี และเบลเยียม
แต่พวกเขากลับบ้านก่อนเรียบร้อยหลังจากแพ้เช็คขาดทั้งสกอร์และเกม 0-2
นี่คือครั้งแรกที่เข้ารอบสุดท้ายยูโรและบอลโลก
หลังจากปี 2016,2018 พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือก…
การตกรอบของฮอลแลนด์ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แม้ว่าฟอร์มสามนัดแรกชนะรวด
แต่อย่างที่รู้ๆกัน รอบแบ่งกลุ่มกับรอบน้อคเอาต์มันคนละบรรยากาศ
ถามว่าทำไม ฮอลแลนด์ตกรอบ
มีสามข้อหลักๆ
1 เกมรุก “ไม่มีทีเด็ด”
แม้ยิงได้เยอะในรอบแรก แต่นั่นคือรอบปกติธรรมดา แต่ถ้าดูจำนวนครั้งที่ได้ยิง…
ถือว่าแนวรุกสีส้มใช้โอกาส “เปลือง”ไปหน่อย
ที่ต้องยอมรับคือทีมขาดกองหน้าเกรดเอ
เวกฮอร์สท์ เป้าตัวเดียว ลุค เดอ ยอง เจ็บถอนตัว สองคนนี้ไม่ถึงระดับ
เมมฟิส เดอ ปาย คือตัวข้างและหน้าต่ำที่ต้องมาเล่น
ขณะที่ ดอนเยลล์ มาเลน ประสบการณ์น้อย…ทีเด็ดทีขาดไม่มี
เวทีนี้ถ้าไม่ฉาย ก็ดับ
ข้างหน้าดู วังเวง นักเตะแนวรุกหลายคนเวทียูโรปา ลีก
ทั้ง เบิร์กเคาส์, กักโป รวมทั้ง ควินซี พรอมเมส
ถ้าจะหาเกมรุกเกรดเอบวก ที่ฮอลแลนด์ มี
ต้องเป็นผู้ช่วย แฟร้งค์ เดอ บัวร์ที่ข้างสนาม
ชื่อ รุด ฟาน นิสเตลรอย นั่นแหละครับ
2 กองหลัง…ไม่เก๋าเมื่อขาด ฟานไดจ์ อันนี้ชัดเจน
ไม่มีตัวคุมเกมรับ และนายใหญ่ในแผงหลัง ฮอลแลนด์เสียประตู 3 ใน4 เกมที่ลงสนาม
ผิดพลาดส่วนบุคคลง่ายๆ ไปหน่อย ยังไม่รัดกุมพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่พลิกผันของทีม
3 แฟร้งค์ เดอ บัวร์ “ประสบการณ์น้อย”
หมายถึงทีมชาตินะครับ รับงานแทน โรนัลด์ คูมัน เมื่อ 20 ก.ย. 2020
หลังจาก คูมัน ไปรับงานคุมบาร์ซ่าช่วงสิงหาคม
รวมล่าสุดก็ 15 นัดทำงานในทีมชาติเท่านั้นเอง
โครงสร้างชุดเดิมเป็นชอง คูมัน ก็จริง แต่แนวทางก็แตกต่าง
การแก้ปัญหาที่ไม่มี ฟานไดจ์ ต้องมาเล่นหลังสาม
จากเดิมที่ คูมัน ทำเล่น 4-3-3 นั่นก็ส่วนหนึ่ง
ทว่า..ประสบการณ์คุมทีมชาติน้อยไป
การวางแผนการเล่น หรือการแก้ปัญหาในเกม ชัดเจน
หลังจากโดนใบแดง เหลือสิบคน เขาตัดสินใจเปลี่ยน มาเลน ออก
แต่ส่งกองหน้า ควินซี พรอมเมส ไปแทน….
จากฮอลแลนด์ไปยังเพื่อนบ้านเบลเยียม
นี่คือทีมชนะรวดสามนัดเหมือนกันและเป็นทีมเต็ง3 แรงกิ้งอันดับหนึ่งของโลก
ทีมชุดนีแม้รวมพลคนหลักสามเอาไว้เยอะ แต่ก็เป็นที่เกาะกลุ่มกันมานาน
โรเบร์โต มาร์ติเนส ทำโครงสร้างชุดนี้จนกลายเป็นทีมระดับทอป
ผลงานเข้ารอบรองชนะเลิศบอลโลก.. นักเตะคุณภาพยังอยู่กับทีม
ขาดแต่ “ถ้วย” ให้เป็นรูปธรรมตอกย้ำความเก่งให้สมบูรณ์
ก่อนลงสนามพบกับโปรตุเกสนัดนี้ พวกเขาเป็นต่อตามเชิง
มาร์ติเนส เลือก อาซาร์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ ลงตัวจริงพร้อมกับ ลูกากู
แอกเซิล วิทเซิล มิดฟิลด์ตัวรับหัวใจของทีมร่างกายพร้อม
มาคุมจังหวะให้ ยูริ เตเลมานส์ วิงแบ๊ก น้องอาซาร์ และ มูร์นิเยร์
ส่วนเซนเตอร์ เลือก โทมัส แฟร์มาเล่น มายืนกับ แฟรตองเกนและ โทบี
ชุดเก่งของพวกเขาโดยมี เตเลมานส์ สอดแทรก
ส่วนโปรตุเกสของ แฟร์นานโด ซานโต๊ส วางกลางแน่นในระบบ 4-3-3
ถอดบรูโน แฟร์นานสด์ จากตัวจริงเป็นเกมที่สอง เพราะต้องการความรัดกุม
ระหว่างกลางกับหลังที่พวกเขาไม่ compact มาตั้งแต่รอบแรก
จังหวะที่ ดานิโล ไม่สมบูรณ์ วิลเลียม คาร์วัลโญ ไม่ไหว
ปาลินญา, มูตินโญ และ เรนาโต ซานเชส ลงมาช่วยทำให้มันแน่น
แบ๊กโฟร์ เซเมโด เจ็บ ดาโลต์ ลงเล่นแทน คู่เซนเตอร์เปเปกับดิอาส
แบ๊กซ้ายเกรเรโร ขาประจำ ส่วนข้างหน้าชุดเดิม โด, โชต้า, บ.ซิลวา
เกิดอะไรขึ้นในเกมนี้…
1 ซานโต๊ส วางแผนดีแต่…
เกมนี้ กลางกับหลัง “รัดกุม” จริง ทำให้หน้าเบลเยียม ทำเกมยาก
เดอ บรอยน์ ได้บอลไม่บ่อย เพราะมีทั้ง ปาลินญาและเรนาโต สลับกันประกบ
อาซาร์ กับ ลูกากู มีโอกาสไม่มาก นอกจากเล่นหน้าไลน์ ทำชิ่งเข้าไปยิง
แต่ก็ไม่เข้ากรอบเลย…การวางเกมรับรัดกุม และมีจังหวะสวนกลับ
หาโอกาสเข้ายิงได้มากกว่าเบลเยียมซะอีก
เพียงแค่ความพลาดครั้งเดียวจริงๆ ท้ายครึ่งแรก ที่เบลเยียมยิงเข้ากรอบ
เหมือนผีจับยัด น้องชายอาซาร์ ซัดจากนอกเขตโทษบอลเข้าข้อพุ่งเข้าประตู
แล้วส่ายหนีมือ ปาทริซิโอ เข้าไปอย่างสวยงาม
มันคือประตูเดียวที่สร้างความแตกต่างในเกม
2 โปรตุเกส ไม่เด็ดขาด
มีเรื่องเดียวเกมนี้ที่ โปรตุเกสขาดไปคือ ยิงประตู
เกรเรโร ยิงชนเสา, กูร์กตัว เซฟหลายครั้ง รวมๆ 21-22 ครั้งในเกม
ยิงมากกว่า….บุกมากกว่าตลอดครึ่งหลัง แต่ไม่สามารถเปลียนเป็นประตู
รวมทั้งเซตพีส ลูกเตะมุม เฉียดไปเฉียดมา
เล่นด้วยความมุ่งมั่น…พยายามอย่างหนักหน่วง
เป็นนัดที่พวกเขาเล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นต์
แต่จบด้วยความพ่ายแพ้
“แชมป์เก่า” จึงต้องตกรอบ
This website uses cookies.