Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

“เบลเยียม” กำราบฟินแลนด์ 2-0, “เดนมาร์ก” ถล่มรัสเซีย 4-1 ยูโร 2020 – ไทยรัฐ

Football Sponsored
Football Sponsored

“ทีมชาติเบลเยียม” ไล่อัดเอาชนะ “ทีมชาติฟินแลนด์” 2-0 ขณะที่ “ทีมชาติเดนมาร์ก” ไล่ถล่มเอาชนะ “ทีมชาติรัสเซีย” ขาดลอย 4-1 ในศึก ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดที่ 3

วันที่ 22 มิ.ย. 64 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดที่ 3 หรือนัดสุดท้ายของรอบนี้ โดย 2 คู่ 2 สนาม ลงทำการแข่งขันพร้อมกันในเวลา 02.00 น. คู่แรกเป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติฟินแลนด์ ลงสนามพบกับ ทีมชาติเบลเยียม ขณะที่อีกคู่ ทีมชาติรัสเซีย ดวลกับ ทีมชาติเดนมาร์ก

เริ่มกันที่คู่แรก ทีมชาติเบลเยียม เอาชนะ ทีมชาติฟินแลนด์ 2-0 โดยประตูแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 74 จากจังหวะลูกเตะมุม โธมัส แฟร์มาเลน ได้จังหวะโหม่งบอลพุ่งไปชนเสาไปโดน ลูคัส ฮราเด็คกี นายทวารฟินแลนด์ เข้าประตูไป

จากนั้น ทีมชาติเบลเยียมได้ประตูนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 81 เมื่อ โรเมลู ลูกากู พลิกหาเหลี่ยมเอาชนะแนวรับของคู่แข่งได้อย่างง่ายดายก่อนได้ยิงเน้นๆ เข้าประตูไปไม่เหลือ และเป็นประตูปิดกล่องให้ทีมคว้าชัยชะจนมี 9 คะแนนเต็มจากการลงสนาม 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนทีมชาติฟินแลนด์ต้องกลับบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่

ขณะที่อีกคู่ ทีมชาติเดนมาร์ก ไล่ถล่มเอาชนะ ทีมชาติรัสเซีย ขาดลอย 4-1 มิคเคล ดัมส์การ์ด ที่ยิงให้ทีมชาติเบลเยียมขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 38 จากการปั่นโค้งเสียบเสาทางขวามือเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ถัดมาครึ่งหลังนาทีที่ 59 ก็นำห่าง 2-0 จากจังหวะไม่เข้าใจกันระหว่างแนวรับและนายทวารคู่แข่งบอลไปเข้าทาง ยุสซุฟ โพลเซน ยิงโล่งๆ เข้าไป

แต่ในนาทีที่ 70 ทีมชาติรัสเซีย ไล่มา 1-2 จากลูกจุดโทษของ อาร์เต็ม ซูบา หลังจากนั้นนาทีที่ 70 อันเดรียส คริสเตนเซน ที่โขกไปติดเซฟนายทวารคู่แข่งก่อนที่บอลจะมาเข้าทางตัวเองอีกครั้งคราวนี้ได้ซัดไม่เหลือซากส่ง ทีมชาติเดนมาร์ก หนีห่าง 3-1

ปิดท้ายในนาทีที่ 82 ทีมชาติเดนมาร์ก มาได้ประตูฉีกหนีไปเป็น 4-1 จากจังหวะสวนกลับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก จ่ายให้ โยอาคิม เมห์เล ลากจากทางฝั่งซ้ายแล้วหาจังหวะยิงด้วยขวาบอลพุ่งเลียดเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาดทำให้ ทีมชาติเดนมาร์ก เข้ารอบต่อไปในฐานะรองแชมป์กลุ่มส่วนทีมชาติรัสเซียต้องกลับบ้านอย่างไว

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.