Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

ฝันสลาย – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ความพ่ายแพ้ของแข้งทีมชาติไทย ที่เกิดขึ้นต่อ สหรัฐอาหรับ เอมิเรสต์ (ยูเออี) เมื่อดึกคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้โอกาสเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอบโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ดับลงไปในทันที

     ไทย หมดโอกาสทั้งการจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแบบอัตโนมัติ หลังเวียดนาม ที่ลงเตะเวลาพร้อมกัน ปูพรมถล่มอินโดนีเซีย ไม่ระบบเท้า 4-0 ทิ้งห่างไทย 5 แต้ม ในขณะที่มีเกมในมือเหลือ 2 นัด ขณะที่ไทย หยุดอยู่ที่เดิม 9 คะแนน และเหลือเกมในมืออีกแค่นัดเดียวพบมาเลเซีย

    ครั้นจะลุ้นกับเงื่อนไขในฐานะทีมอันดับที่ 2 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 5 กลุ่ม ก็ต้องหมดหวังด้วย เพราะการพลาดท่าให้คู่ปรับโดยตรงอย่างยูเออีไปในเกมนี้ หยิบยื่นโอกาสให้พวกเขาขยับขึ้นไปเป็นที่ 2 เดี่ยว แถมยังมีลุ้นแชมป์กลุ่ม

    ยูเออี ขยับแต้มหนีไทยเป็น 3 คะแนน แถมยังเหลืออีก 2 เกมให้เล่น กุมความได้เปรียบทั้งเรื่องเฮดทูเฮดที่เหนือกว่า และประตูได้เสียที่ดีกว่าไทยถึง 9 ลูก

    การตกรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 หนนี้จึงนับว่าเป็นฝันร้ายและเป็นฝันสลายที่พังลงมาของทีมแข้งช้างศึก ผู้เล่นไทย รวมถึงแฟนๆฟุตบอลไทยที่ตั้งตารอคอยชมในทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแท้จริง

    หากดูจากชื่อชั้นและคู่แข่งร่วมกลุ่มจี เราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะกลุ่มนี้มีทีมในอาเซียนที่เรารู้ไส้รู้พุงกันดีอยู่ร่วมกลุ่มมากถึง 4 ทีม

    หากวัดจากศักยภาพ ต่อให้แม้เราจะพลาดท่ากับยูเออีไปก็ตาม แต่หากอย่างน้อยๆหากเล่นได้ตามมาตรฐานเดิมๆที่เคยทำได้ ก็น่าจะยังพอประคองตัวเก็บทีมจากอาเซียนอย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เข้ารอบต่อไปได้ แต่ทางปฏิบัตินั่นไม่ใช่

    สาเหตุที่ทำให้ประตูสู่ฟุตบอลโลกของทีมชาติไทย ต้องปิดลงก่อนเวลาอันควร เพียงแค่รอบคัดเลือกรอบที่ 2 ทั้งที่ดูรวมๆแล้วมีศักยภาพน่าจะเข้าไปได้ไกลกว่านั้น มีอยู่หลายๆปัจจัย

    ที่เห็นได้ชัดจากการแข่งขันใน 2 นัดที่ผ่านมากับ อินโดนีเซีย คือ เรื่องความผิดพลาดส่วนบุคคล โดยเฉพาะในแนวรับ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า อาจจะมาจากเรื่องของสภาพร่างกายที่ไม่ฟิต ความกดดัน รวมไปถึงการต้องไปเล่นในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน

    ความเข้าใจในการเล่นและการสื่อสาร ยังเป็นสิ่งที่ผู้เล่นไทยขาดไป ไม่ว่าจะเป็นระหว่างตัวผู้เล่นเอง ซึ่งก็เกิดจากระยะเวลาในการรวมทีมที่กระชั้นชิด มาเจอปัญหาโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ต้องพลาดในการฝึกซ้อมสำคัญช่วงโค้งสุดท้าย

    รวมไปถึงการสื่อสารระหว่างผู้ฝึกสอน อย่าง อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น และผู้เล่นทีมชาติไทย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าน่าจะมีการติดขัดอยู่บ้าง เพราะต้องแปลภาษากันถึง 3 ต่อ จากโค้ชถึงล่าม จากล่ามถึงผู้ช่วยโค้ช และผู้ช่วยโค้ชไปยังนักเตะ นั่นทำให้สารและอารณ์ร่วมที่ต้องการจะสื่อไปไม่ถึงตัวนักเตะ

    การแก้เกม วางแท็กติก รูปทรงการเล่น และเลือกตัวและใช้งานผู้เล่นของนิชิโนะ ที่ดูจะออกลูกประหม่า กั๊กๆ และดูติดขัด ตั้งแต่นัดที่บุกไปแพ้มาเลเซีย 1-2 พลาดเสมอกับเวียดนามแบบน่าชนะทั้ง 2 เกมที่ดวลกัน รวมไปถึงที่เสมอทีมบ๊วย อย่าง อินโดนีเซีย ทำให้สถานการณ์ของไทยตกที่นั่งลำบาก จนต้องมาดิ้นรน ลุ้นชนะเท่านั้นใน 2 เกมสุดท้าย ก่อนจะมาจบลงตั้งแต่เกมแรกกับยูเออี

    การขาดผู้เล่นตัวประสบการณ์แกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น ธีราธร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธุ์ รวมถึง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ก็ถือว่าส่งผลโดยตรงกับทีมชาติไทย ทำให้ไม่สามารถลงเล่นด้วยฟอร์มและศักยภาพที่เคยดีกว่านี้ได้เช่นกัน

    ผลงานในสนามคือตัวบ่งชี้ และนี่คือความจริงที่เจ็บปวดที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องก้มหน้ายอมรับกันไป ว่าเวลานี้เราเองยังดีไม่พอจริงๆ ในขณะที่คู่แข่งสำคัญ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันในช่วงหลังๆ อย่าง เวียดนาม พุ่งสวนทางขึ้นมา

    ความผิดหวังครั้งนี้อาจเปรียบเสมือนเป็นพายุลูกใหญ่ที่พัดเข้ามาเล่นงาน ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ ก็คือตั้งหลบพายุ ตั้งสติเพื่อตั้งลำกันใหม่ และทำภารกิจที่เหลือในพายุนี้ให้จบ

    โดยเฉพาะการลงเล่นเก็บ 3 แต้มในเกมสุดท้ายกับมาเลเซียให้ได้เป็นลำดับแรก เพื่อจบที่ 3 ให้ได้เป็นอย่างน้อย ซึ่งก็จะมีผลกับการต้องลงเล่นรอบคัดเลือกในฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023

    ส่วนอีกสิ่งที่ต้องลุ้นกันหลังจบทัวร์นาเมนต์ ก็คือทิศทางของทีมชาติไทย หลังจากนี้จะเอาอย่างไรกันต่อ โดยเฉพาะสมาคมกีฬาฟุตบอล กับผลงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย พลาดการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย 

    ซึ่งจะว่าไปก็อาจทำให้แข้งไทยขาดการลงเล่นเกมทางการในระดับสูง ส่งผลกับพัฒนาการของผู้เล่นด้วย
    
    รวมถึง อนาคตของกุนซือวัย 66 อากิระ นิชิโนะ จากผลงานที่ผ่านๆมา ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยโสภานัก ก็ต้องมาตามลุ้นว่าจะยังได้รับโอกาสแก้ตัวและได้รับความไว้วางใจให้สร้างทีมต่อหรือไม่ หรือนี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของกุนซือผู้พาญี่ปุ่นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก ต้องติดตาม

-นาย ป.-

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.