Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

หมดเวลาโด้,เมสซี่! 5 แคนดิเดตม้ามืดลุ้นเข้าชิงบัลลงดอร์2021

Football Sponsored
Football Sponsored

น่าเสียดายที่รางวัลบัลลงดอร์ปี 2020 ถูกเลิกเนื่องจากการระบาดของ “โควิด-19” แต่สำหรับปีนี้การแข่งขันฟุตบอลกลับมาฟาดแข้งกันทุกลีกจึงเชื่อว่าบัลลงดอร์จะมีการมอบรางวัลอย่างแน่นอน สำหรับตัวเต็งบัลลงดอร์ปีที่แล้วอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยังคงทำผลงานงานดีต่อเนื่องและหาก บาเยิร์น มิวนิค ประสบความสำเร็จอีกคงมีชื่อเป็นเต็งหนึ่งอีกปี แต่ขาประจำอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมสซี่ นั้นโรยรงลงชัดเจนและใกล้จะหมดเวลาของพวกเขาเต็มทน ไม่แปลกใจที่ปีนี้ถูกคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าชิงบัลลงดอร์หน้าใหม่ๆให้เราได้ลุ้นกัน มาลองดูแคนดิเดตที่อาจกลายเป็นม้ามืดในปีนี้กัน

1.อิลคาย กุนโดกัน

    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้พึ่งพากองหน้าของพวกเขามากนักในฤดูกาลนี้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ต้องใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ กาเบรียล เชซุส ยิงแค่ 4 ประตูจาก 14 นัดที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม “เรือใบสีฟ้า” ก็ยังคงเป็นจ่าฝูงโดยทิ้งห่างผู้ตามถึง 10 แต้มในตาราง

    ที่เป็นแบบนี้เพราะพวกเขาค้นพบอาวุธลับถล่มตาข่ายอย่าง อิลคาย กุนโดกัน กองกลางชาวเยอรมันเป็นนักเตะที่มีเทคนิคดีเยี่ยมและมีประโยชน์มากในพื้นที่สุดท้ายซึ่งแผนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ดึงศักยภาพของนักเตะรายนี้ออกมาได้ดีเหลือเกิน 

    ฤดูกาลนี้มิดฟิลด์วัย 30 ปียิงประตู 14 ลูกแล้วรวมทุกรายการ ถ้าทีมมีแชมป์ติดไม้ติดมือเจ้าตัวคงได้รับเครดิตมากมาย ยิ่งถ้าหากเป็นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยแล้วมีโอกาสมากทีเดียวที่จะทะลุไปรอบลึกๆของบัลลงดอร์

2.โยชัว คิมมิช

    สตุ๊ตการ์ทได้ผลิตดาวรุ่งสุดเวิลด์คลาสรายนี้ขึ้นมา โดย โยชัว คิมมิช เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของสตุ๊ตการ์ทด้วยวัยเพียง 12 ปีแต่เขาไม่สามารถไต่เต้าขึ้นมาทีมชุดใหญ่ได้ เขาจึงเลือกย้ายไปอยู่กับทีม ไลป์ซิก

    ผลงานของเขาไปเตะตากุนซือบาเยิร์น มิวนิคในตอนนั้นอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้ “เสือใต้” สอยตัวเขามาในปี 2015 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร ซึ่งตำแหน่งที่เขาเริ่มต้นกับ บาเยิร์น คือแบ็กขวาแต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเขาคือความหลากหลายในการเล่นตำแหน่ง

    เขาทำให้หลายคนนึกถึง ฟิลิปป์ ลาห์ม ทั้งวิสัยทัศน์การให้บอลและเทคนิคที่ดีจนสามารถเปลี่ยนมาเล่นกองกลางได้ แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะถูกยกให้เป็นหนึ่งในฟูลแบ็กแห่งอนาคตแต่มิดฟิลด์เป็นตำแหน่งที่เขาต้องการจะเล่น ซึ่งในตอนแรกเขายังแสดงศักยภาพได้ไม่ดีมากนัก

    จนกระทั่งเมื่อ ฮันซี่ ฟลิค มารับหน้าที่คุมทีมชุดใหญ่ คิมมิช ก็กลายเป็นกองกลางระดับเวิลด์คลาสไปเลย ระบบของ ฟลิค ที่มีทั้งการบีบเพรสซิ่งสูงและจังหวะเกมรุกที่เร็วทำให้เค้นศัยภาพของ คิมมิช ออก เขากลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ “เสือใต้” คว้าทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาล 2019-20 

    คิมมิช มีความขยันและมีความเป็นผู้นำจึงทำให้เขาเป้นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของทีม และสถิติของเขาในฐานะกองกลางนั้นสุดยอดมาก โดยทำ 13 แอสซิสต์ กับอีก 3 ประตูจากการลงเล่น 19 นัดในบุนเดสลีกาและยูฟ่า แชมเปี้ยนสื ลีกฤดูกาลนี้ ถ้ามิดฟิลด์วัย 25 ปีคนนี้ยังรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีในการท้าชิงบัลลงดอร์ปีนี้

3.โรเมลู ลูกากู

    กองหน้าชาวเบลเยี่ยมมีฤดูกาลที่ไม่ค่อยดีนักกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเมื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุมทัพดูเหมือนว่ากุนซือจะตั้งธงไว้แล้วว่า ลูกากู ไม่เหมาะกับแผนการเล่นของเขา อินเตอร์ มิลาน จึงมารับเซ้งต่อด้วยค่าตัวถึง 75 ล้านยูโรแต่เขาตอบแทน “งูใหญ่” อย่างคุ้มค่าทีเดียว

    ลูกากู ยิงประตูถล่มทลายถึง 34 ลูกเมื่อฤดูกาลที่แล้วแต่น่าเสียดายที่ อินเตอร์ ฟอร์มแผ่วจนพลาดแชมป์ลีก ฤดูกาลนี้เจ้าตัวยังผลิตสกอร์อย่างต่อเนื่องโดยยิง 23 ประตูจากการลงเล่น 30 นัดรวมทุกรายการ พร้อมกับทำ 5 แอสซิสต์ในลีกด้วย 

    ส่วนในทีมชาติเบลเยี่ยม ลูกากู ยังคงโชว์ฟอร์มเทพมาเสมอโดยยิง 5 ประตูจากการลงเล่น 5 นัดหลังสุด ด้วยวัยกำลังพีค 27 ปีและทัศนคติที่เขาปรับปรุงขึ้นมามาก เขาถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในตอนนี้ 

    ถ้าเขาพา อินเตอร์ เป็นแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แต่การพา เบลเยี่ยม คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมากๆสำหรับเขา ซึ่งมีสิทธิ์จะทำให้กองหน้ารายนี้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่น่าเกรงขามในบัลลงดอร์

4.บรูโน่ แฟร์นันด์ส

    แฟนผีคงไม่ต้องพูดมากมายว่าเขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมมากขนาดไหน เขาเป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการทำประตูและการสร้างสรรค์เกมรุก ไม่แปลกใจที่จะเข้ามาสร้างอิมแพ็คให้กับทีมมากมาย 

    ถ้า บรูโน่ ยังคงฟอร์มแบบนี้จนจบฤดูกาล มีโอกาสไม่น้อยที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโวและรางวัลแอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ตอนนี้เจ้าตัวยิงถึง 22 ประตูกับ 12 แอสซิสต์รวมทุกรายการ

    ส่วนในพรีเมียร์ลีกเขาลงเล่น 25 นัดยิง 15 ประตูและทำ 10 แอสซิสต์ อย่างไรก็ตามแม้เขาจะช่วยพาทีมเป็นรองจ่าฝูงของลีก แต่ก็ตาม แมนฯ​ซิตี้ อยู่ถึง 10 แต้มทีเดียว ดังนั้นหาก บรูโน่ จะมีชื่อลุ้นบัลลงดอร์ได้คงต้องคว้าแชมป์ในรายการที่เหลือให้ได้ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอ คัพ หรือ ยูโรปา ลีก และที่สำคัญการนำ โปรตุเกส ป้องกันแชมป์ฟุตบอลยูโรในปีนี้ ถ้าเขาทำได้คงเป็นม้ามืดในการคว้าบัลลงดอร์แน่นอน

5.เออร์ลิง ฮาแลนด์

    ชั่วโมงนี้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ถือเป็นกองหน้าระดับท็อปของโลกไปแล้วแม้จะอยู่ในวัยเพียง 20 ปีก็ตาม เขาคิดถูกมากที่ย้ายมาอยู่กับทีมที่เค้นศักยภาพดาวรุ่งเก่งอย่าง ดอร์ทมุนด์ ทั้งในบุนเดสลีกาและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นสนามถล่มตาข่ายของเขาไปแล้ว

    จากการลงเล่น 25 นัดในทุกรายการให้กับ ดอร์ทมุนด์ ฤดูกาลนี้ ฮาแลนด์ จัดไป 28 ประตูและทำ 4 แอสซิสต์ เขาเป็นดาวซัลโวของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยการทำ 8 ประตู

    แม้ว่าบัลลงดอร์อาจจะยังดูห่างไกลสำหรับเขาเมื่อพิจารณาจากตอนนี้ที่ ดอร์ทมุนด์ ทำได้แค่เป็นผู้ไล่ล่าท็อปโฟร์เท่านั้น ขณะที่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก “เสือเหลือง” ยังไม่ใช่ตัวเต็งคว้าแชมป์เท่าไหร่นัก แถมทีมนอร์เวย์ยังไม่ได้ไปฟุตบอลยูโรด้วย แต่ถ้าเขายังถล่มตาข่ายแบบนี้ต่อเนื่องน่าจะมีสิทธิ์เข้ารอบลึกๆของบัลลงดอร์ได้เหมือนกัน

“Zvo”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.