ผลงานที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือในเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นสาเหตุสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงเข้าเป้าได้เพียงครั้งเดียว เขามีพลังงานเหลือเฟือ พร้อมกับพรสวรรค์อันมหาศาล โดยสามารถคว้า 5 ถ้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอล ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
บัลลงดอร์เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในวงการฟุตบอล ซึ่งจัดโดยฟร้องค์ฟุตบอล ซึ่งในปีนี้เราอาจได้เห็น นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส รับรางวัลนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี
และนี่คือ 5 เหตุผล ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ในปีนี้
1 ก็องเต้ กลับมาสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมภายใต้ผู้จัดการทีมเชลซีที่ชื่อ โธมัส ทูเคิ่ล
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลอย่างไม่ดีนักภายใต้การทำทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ค้นพบฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาอีกครั้ง นับตั้งแต่ เชลซี แต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาทำหน้าที่
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ฟอร์มของ เชลซี กลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล นั่นก็คือ ก็องเต้ กลับมาคืนฟอร์ม มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ดูเหมือนจะปัญหาในระบบ 4-3-3 ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งต่างกับระบบขอ ทูเคิ่ล ที่มีเพลย์เมกเกอร์สองคนคอยกระนาบ
การมาถึงของ โธมัส ทูเคิ่ล ทำให้ เชลซี มีชีวิตใหม่ และอดีตโค้ชแปเอชเช ทำให้ เชลซี กลายเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมกับมีผู้เล่นคอยขับเคลื่อนเกมรุกอย่าง เมาท์ ฮาแวร์ตซ์ และ แวร์เนอร์
เดอะบลูส์ได้รับประโยชน์อย่างมากจากระบบของ ทูเคิ่ล ที่มีกองกลางสามคน อีกสองคนทำหน้าที่โฮลบอล
ก็องเต้ ล้มเหลวในการรับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวกลาง ในตำแหน่งมิดฟิลด์สามคนของ แลมพาร์ด แต่พบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับอย่างที่เขาต้องการ ภายใต้ โธมัส ทูเคิ่ล
2 ได้รับการยอมรับจากทุกคนในโลกฟุตบอล
กองกลางชาวฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดในโลกฟุตบอล และได้รับความรักและความชื่นชอบจากแฟน ๆ และผู้เล่น
ปอล ป็อกบา พูดถึงเพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศสของเขาในการให้สัมภาษณ์ว่า “คุณต้องรักเขา (ก็องเต้) คุณไม่สามารถเกลียดเขา การเกลียดผู้ชายคนนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย”
ก็องเต้ ได้รับความเคารพอย่างมากจากพี่น้องนักฟุตบอล และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ถ่อมตัว และติดดินมากที่สุด สิ่งนี้จะมีบทบาทอย่างมากในการตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ บัลลงดอร์ อันทรงเกียรติ
3 เอ็นโกโล ก็องเต้ เป็นนักเตะที่ครองบอลดีที่สุดในโลก
นักเตะอย่าง กาเซมิโร่ และ คิมมิช อาจจะถือได้ว่า เป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก แต่ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ เอ็นโกโล ก็องเต้ ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ทำให้ นักเตะชาวฝรั่งเศส กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
ก็องเต้ เป็นกองกลางที่สามารถสกัดกั้น และชิงบอลกลับมาให้ เชลซี ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะเดียวกันเขาเป็นผู้ส่งบอลที่ยอดเยี่ยม และมีความแม่นยำในการส่งบอลมากกว่า 85% ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
โดยทำเฉลี่ยมากกว่า 50 ครั้งในทุกการแข่งขันในลีกฤดูกาลนี้ ทำให้ เอ็นโกโล ก็องเต้ เป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก ในขณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่ยอดเยี่ยมในการเอาชนะคู่ต่อสู้
ซึ่งเขาได้ทำสถิติ ความสำเร็จในการรับมือคู่แข่งอยู่ที่ 53% ในพรีเมียร์ลีก 2020/21 โดยมาจากการโหม่ง 79 ครั้ง และการสกัดบอลถึง 59 ครั้ง
4 สามารถคว้าแชมป์ยูโร 2020 กับฝรั่งเศสได้
ยูโรที่จะมาถึงนี้ จะทำให้นักฟุตบอลทุกคนมีโอกาสอีกครั้ง ในการตัดสินถ้วยรางวัล บัลลงดอร์ ปี 2021
แม้ว่า บัลลงดอร์ ส่วนใหญ่จะตัดสินจากผลงานของผู้เล่นในสโมสร แต่เกณฑ์จะแตกต่างกันเล็กน้อยในปีนี้ ประเด็นหนึ่งคือการชนะบัลลงดอร์ปี 2018 ของลูก้า โมดริช ซึ่งเป็นฤดูกาลที่นักเตะโครเอเชีย คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด และ มีผลงานที่ดีเยี่ยมกับ โครเอเชีย ในฟุตบอลโลก
เอ็นโกโล ก็องเต้ มีโอกาสที่จะทำผลงานได้ดีขึ้นหลังจบฤดูกาล 2020/21 ซึ่งฝรั่งเศส เป็นทีมเต็งที่แข็งแกร่งในยูโร และ ก็องเต้ ก็มีบทบาทสำคัญในตำแหน่งกองกลางของ เลส์ เบลอส์ ซึ่งหากเขาสามารถ โชว์ผลงานได้เหมือนฟุตบอลโลก 2018 มันจะยากมาก ที่จะมองข้าม ก็องเต้ ในฐานะนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลก ในฤดูกาล 2020/21
5 คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิง ยูซีแอล
หนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกปี 2020/21 ของเชลซีคือการมี เอ็นโกโล ก็องเต้ เป็นกองกลาง
แข้งวัย 30 ปีเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนามอย่างไม่ต้องสงสัย ในรอบน็อกเอาต์ของแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะในรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ กองกลางสามคนของเรอัลมาดริดอย่าง โมดริช โครส และ คาเซมิโร ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นกองกลางที่ดีที่สุดของโลก แต่การเป็นตัวเอกของเชลซี ในตำแหน่งกองกลางคือ ก็องเต้ แต่เพียงผู้เดียว
โธมัส ทูเคิ่ล เคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าคุณเล่นกับ เอ็นโกโล ก็องเต้ คุณแทบไม่ต้องใช้แรงอะไรมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมือนใครจริงๆ”
ก็องเต้ยับยั้งการบุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดย ซิตี้ ชอบโจมตีในแดนกลาง ด้วยการจ่ายบอลสั้นและเคลื่อนบอลในพื้นที่แคบ ๆ แต่การที่ ก็องเต้ อยู่ตรงกลาง เขาสามารถทำลายการโจมตีของซิตี้ ก่อนที่มันจะอันตราย
ทำให้ ก็องเต้ เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในรอบน็อคเอาต์ของแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย
เหรียญรางวัลผู้ชนะแชมเปี้ยนส์ลีก อาจจะทำให้เขาสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ครั้งแรกของนักเตะฝรั่งเศส นับตั้งแต่ ซีเนอดีน ซีดาน ทำได้ในปี 1998 เลยทีเดียว
This website uses cookies.