Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

เอ็มบัปเป้-ฮาแลนด์ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ยังเทียบ โอเว่น ในช่วงอายุเท่ากันไม่ได้

Football Sponsored
Football Sponsored

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ อาจจะได้รับการเชิดชูอย่างมากในฐานะว่าสตาร์ลูกหนังโลกรุ่นต่อไป แต่ถึงทั้งสองคนจะโชว์ฟอร์มสุดยอดแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขายังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานทีมชาติอังกฤษ ในช่วงที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

ดาวยิง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ หัวหอก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นสองสตาร์ที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาระเบิดฟอร์มสุดยอดในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 เอ็มบัปเป้ ซัดแฮตทริกในเกมที่ “เปแอสเช” ไล่ต้อน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า 4-1 ที่สนามคัมป์ นู ขณะที่ ฮาแลนด์ โชว์ฟอร์มดุดันไม่แพ้กันเมื่อเขาจัดการซัด 2 ตุง และทำ 1 แอสซิสต์ ในแมตช์บุกอัด เซบีย่า สุดมันสกอร์ 3-2

 ทั้งสองคนไดรับการยกย่องว่าเป็นดาวจรัสแสงในฐานะ “นิว ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจากที่พวกเขาทำผลงานสุดยอดในช่วงที่ผ่นามา อย่างไรก็ตามก็ตาม เอมิล เฮสกี้ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ มองว่ายังมีนักเตะอีกคนหนึ่งที่มักจะโดนมองข้ามสมัยที่เขายังโลดแล่นในวงการลูกหนัง นั่นก็คือ “โอเว่น” 

 โอเว่น ได้รับการจดจำในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงเมื่อเขาได้ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ในวัยเพียง 16 ปี อดีตดาวเตะเลือดผู้ดี ทำผลงานสุดยอดซัดประตูเป็นว่าเล่นในช่วงวัยรุ่ง โดยนำ “หงส์แดง” คว้าแชมป์รายการใหญ่ 4 รายการ รวมทั้งยังเป็นดาวยิงตัวความหวังทีมชาติอังกฤษ และเคยได้รับบัลลงดอร์ ตอนที่อายุ 22 ปีเท่านั้น

 เขาซัดประตูให้กับ “หงส์แดง” 158 ลูกจาก 297 นัดในทุกรายการ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ,  ลีก คัพ, ยูฟ่า คัพ และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ขณะเดียวกันยังได้ย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้เขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และ สโต๊ค ซิตี้ ก่อนที่จะแขวนสตั๊ด

 นอกจากบัลลงดอร์ ในปี 2001 แล้ว โอเว่น ยังได้รางวัลมากมายอาทิเช่นนักเตะยอดเยี่ยมของโลกในปี 2001จาก “เวิลด์ ซอคเก้อร์” และเคยเป็นเจ้าของดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีก 2 สมัย  รวมทั้งคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 1998 เป็นต้น 

 อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเขาค่อนข้างจะสั้นเนื่องจากโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพให้ไปถึงจุดสูงสุดของการเป็นยอดนักเตะ แต่กระนั้นไม่มีใครสงสัยว่า โอเว่น คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกลาลของเมืองผู้ดี 

 เฮสกี้ เผยกับรายการ “Kick Off” ว่า เอ็มบัปเป้ และ ฮาแลนด์ ยังไม่ใช่ยอดนักเตะที่ควรได้รับการเชิดชูมากขนาดนี้ “เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องสถิติ และนักเตะดาวรุ่งในช่วงอายุขนาดนี้ ผมมักจะนึกถึง ไมเคิ่ล (โอเว่น) เสมอ”

 “ผมเริ่มเปรียบเทียบพวกเขากับเขา และมีอะไรอีกมากมายที่พวกเขายังเปรียบกับเขาไม่ได้ สำหรับหลายๆ เรื่องที่เขาทำได้ในช่วงอายุขนาดนี้ และตอนที่เขาโตเต็มวัยด้วย แต่เมื่อคุณต้องลงเล่นตั้งแต่อายุ 16 ปี และคุณมีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอด นั่นทำให้เขาต้องพบกับความย่ำแย่ในการเล่นฟุตบอล” 

  เฮสกี้ ซึ่งเคยเล่นให้กับ “เดอะ เร้ดส์” ไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดแบบนี้ เพราะถึงแม้ว่า เอ็มบัปเป้ ซึ่งได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส และ ฮาแลนด์ จะเก่งกาจมากขนาดไหนก็ตาม แต่สำหรับ อัลลี่ แม็คคอสต์ ตำนานเรนเจอร์ และทีมชาติสกอตแลนด์ ไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะเทียบชั้น เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ได้

 “เอ็มบัปเป้ มีคลาสที่แตกต่าง…แต่ผมไม่คิดว่าเขาสามารถทำหลายๆ สิ่งเวลาที่มีลูกบอลอยู่กับตัวได้เหมือนกับที่ เมสซี่ ทำได้ เมสซี่เป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ! เอ็มบัปเป้ เป็นดาวรุ่งชั้นยอดซึ่งทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันยังมีความแตกต่างกัน”

 “ถ้ามีใครซักคนบอกผมว่า เอ็มบัปเป้ กำลังจะก้าวขึ้นมาบดบังรัศมีของ เมสซี่ ในฐานะนักฟุตบอล ผมคงอึ้งไปเลย เขามีอาชีพที่ยอดเยี่ยม และเขาเป็นนักเตะชั้นยอดจริงๆ แต่เรากล้าขีดชื่อ เมสซี่ ออกไปเหรอ ? เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากๆ !”

 “เมสซี่ คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกนี้ สิ่งที่เราเห็นก็คือนักเตะดาวรุ่งคนนี้โชว์ฟอร์มสุดยอดที่คัมป์ นู และซัดแฮตทริก ซึ่งทำให้เขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ แต่ทุกๆ คนต้องใจเย็นๆ จากนั้นก็ลองดู เมสซี่ เขาประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง เขาเป็นผู้เล่นที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ซึ่งเราจะไม่มีทางลืมได้เลย” 

 เป็นเรื่องธรรมดาที่ เอ็มบัปเป้ กับ ฮาแลนด์ จะได้รับการเชิดชูในยุคปัจจุบัน แต่ความสำเร็จจะเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกเขาคู่ควรกับคำพูดยกยอปอปั้นหรือไม่ ! 

     ทอมเม้ง

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.