คล็อปป์ ประทับใจฝีเท้าของ มาเน่ ตั้งแต่ช่วงโอลิมปิค เกมส์ 2012 เขาเฝ้าดู มาเน่ ตลอดตอนเล่นในลีกประเทศออสเตรีย
ดอร์ทมุนด์ และ ซัลซ์บวร์ก นัดเจอ พูดคุยกัน แต่ท้ายสุด เป็นคล็อปป์ เองที่ตัดสินใจยกเลิกดีลนี้ ด้วยเหตุผลว่าตอนนั้น ดอร์ทมุนด์ มีข้อจำกัดคือซื้อผู้เล่นตำแหน่งนี้ได้แค่คนเดียว
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่ดึงเขาไปร่วมงานด้วยกันตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ผมชอบเขานะ ตอนนั้นมันเป็นเรื่องของความรู้สึกซะมากกว่า”
“ตอนอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ เราสามารถซื้อนักเตะในตำแหน่งนี้มาร่วมทีมได้แค่คนเดียว ไม่ใช่ 2 หรือ 3 คน ดังนั้นเป้าหมายของเราเลยต้องเป็นคนที่เข้ากับทีมในตอนนั้นๆ อย่างสมบูรณ์แบบ” คล็อปป์ เผย
…
ซัมเมอร์ปี 2014 มาเน่ ย้ายจาก ซัลซ์บวร์ก ไปอยู่ เซาธ์แฮมป์ตัน และอัพเกรดตัวเองจนเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามองในศึก พรีเมียร์ลีก
หลายทีมยักษ์ใหญ่ ไม่ว่า เชลซี, อาร์เซน่อล, แมนฯซิตี้ หรือแม้แต่ ลิเวอร์พูล ต่างโดน มาเน่ ในคราบผู้เล่น “เดอะ เซนต์ส์” เล่นงานทั้งหมด
ฤดูกาล 2016/17 เป็นปีที่ คล็อปป์ ได้คุม ลิเวอร์พูล เต็มตัวเป็นปีแรก
คล็อปป์ คิดจะสร้าง ลิเวอร์พูล ขึ้นมาใหม่ และ มาเน่ คือนักเตะที่เขาจะดึงเข้ามาเป็นแกนหลัก
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ฤดูกาล มาเน่ แทบไม่เคยทำให้ คล็อปป์ ผิดหวัง
ช่วงไหนที่ ซาลาห์ ไม่ยิง หรือ ฟีร์มีโน่ มาตรฐานตกลง มาเน่ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกที่ คล็อปป์ ไว้ใจได้เสมอ
จนกระทั่งฤดูกาลนี้ ผลงานของ มาเน่ ตกลงชัดเจนจนตกเป็นเป้าเสียงวิจารณ์
อย่างไรก็ตาม คนที่เชื่อมั่นเขามาตลอดคือ คล็อปป์ ผู้เป็นเจ้านายของตัวเอง
“เมื่อพิจารณาถึงแนวความคิดของ ซาดิโอ แล้วนั้น แน่นอนว่าเขาอยากทำผลงานให้ออกมาดี แต่นี่คือความเป็นจริงที่เขาเจออยู่ในตอนนี้ กองหน้าทุกคนในโลกต่างก็รู้จักสถานการณ์แบบนี้ดี” คล็อปป์ เผย
“ผมไม่กังวลเลย แต่ก็แน่นอนเช่นกันว่าผมมองเห็นถึงเรื่องนั้น(หมายถึงเรื่องฟอร์มตก) มันชัดเจนอยู่แล้ว เรากำลังปรับปรุงมันอยู่ นั่นเป็นคำตอบแบบเดียวที่ผมพอจะพูดได้ในตอนนี้”
…
เกม “แดงเดือด” ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาเน่ อารมณ์ไม่สู้ดีนักจากการต้องเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง และเขาเลือกเมินเฉยต่อ คล็อปป์ ที่เดินเข้ามาพยายามไปจับมือหลังจบเกม
การกระทำนั้นตกเป็นประเด็นที่พูดถึงในวงกว้าง
แกรม ซูเนสส์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น ออกมาตำหนิว่านี่คือพฤติกรรมไม่เหมาะสม และตั้งคำถามว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลกับอนาคต มาเน่ กับ ลิเวอร์พูล หรือไม่
อย่างไรก็ดี เป็นอีกครั้งที่ คล็อปป์ เลือกอยู่ข้างลูกทีม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในเมื่อที่ผ่านมาคุณทำดีมาโดยตลอด
“ถ้ามีใครที่แสดงความเคารพต่อผมมากถึง 5 ล้านครั้ง และมีเพียงครั้งเดียวที่ไม่ได้แสดงความเคารพต่อผมแล้วล่ะก็ ผมถามหน่อยว่ากรณีไหนที่จะมีความสำคัญมากกว่ากัน?”
“โลกนี้อยู่ในสภาพที่ว่าคุณทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกินเหตุ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย”
“ผมหวังว่าเจ้านายของพวกคุณจะไม่ลืมคุณงามความดีทุกอย่างที่คุณเคยทำมาถ้าหากคุณไม่ได้แสดงความเคารพต่อเขาเพียงครั้งเดียวนะ”
คล็อปป์ ยังยกตัวอย่างตัวเองขึ้นมาว่าสมัยเป็นนักฟุตบอลเขาก็เคยทำเรื่องคล้ายๆ กันมาแล้ว
“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ถ้าคุณเคยเห็นผมสมัยเป็นนักเตะแล้วล่ะก็ ผมบอกเลยว่าสิ่งที่ผมเคยทำในตอนที่คุมอารมณ์ไม่อยู่น่ะมันบ้าบอมากๆ ทั้งที่ผมเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนคนทั่วไปสุดๆ”
“ผมเคยทำแบบนั้นเหมือนกัน เราจะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้วจากนั้นก็จะสะสางให้มันจบๆ ไป ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร ก็แค่นั้นแหละ”
…
คำพูดของ คล็อปป์ คือสิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไปในชีวิต
แม้มันจะเป็นเพียงหนึ่งเรื่องร้ายจากหลายร้อยพันเรื่องดี
คนเรามักมองเรื่องแย่ๆ ของคนอื่น แล้วมากลบกับเรื่องดีๆ ที่เขาคนนั้นเคยทำไว้
ฟัง คล็อปป์ จบแล้วกลับมาย้อนพิจารณาตัวเอง ผมได้อะไรดีๆ จากคำพูดนี้ของเขามาให้คิดเยอะเลย
เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นมากกว่าโค้ชฟุตบอลจริงๆ …
HOSSALONSO
This website uses cookies.