ถือว่าเป็นสกอร์ที่สวยหรู แต่เกมเป็นอย่างไรนั้น เชื่อว่ามีแฟนบอลเพียงน้อยนิดที่เสาะหาดูตามช่องทางธรรมชาติได้บ้าง แบบติดๆขัดๆ ตามภาษาที่ต้อง “แอบดู”
ส่วนจะดูอย่างไรอันนี้ไม่ทราบ ด้วยไม่ถูกทำนองคลองธรรม และดูจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียด้วย หากมีการเอาเรื่องเอาราวกันขึ้นมา
เมื่อไม่ได้ดูกันชัดๆและเต็มๆ ก็ย่อมไม่รู้ว่าเล่นดีเล่นงาม หรือเล่นแย่กันอย่างไร?
แต่กับนัดแรกที่ออกมา ทั้งผู้จัดการทีม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และเฮดโค้ช มาโน โพลกิง ก็ดูจะพออกพอใจและโล่งอก ซึ่งก็เตรียมตัวกันต่อในแมตช์หน้าที่จะกลับมาเล่นในเมืองไทย ซึ่งทีมชาติไทยของเราจะพบกับฟิลิปปินส์ ที่สนามมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ รังสิต ในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลา 19.30 น.
เที่ยวนี้คงจะมีคนได้ดูเป็นหมื่น ก็ด้วยเสียเงินซื้อบัตรเข้าไปเชียร์กัน ส่วนทางบ้านรอฟังข่าว และไม่พ้นแสวงหาช่องทางธรรมชาติตามอัธยาศัย และฝีมือ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปอย่างนี้จนจบ หรือจะมีอะไรมาดลใจ ดลบันดาลให้ได้ดูกันขึ้นมาในช่วงที่เหลือ
เอาเป็นว่า การที่คนไทยในอาณาเขตประเทศ ไทยไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ จะสื่อสารหรือบอกอะไรได้บ้าง
แน่นอน ก็ต้องไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์อันเป็นเรื่องหลักและเรื่องสำคัญที่ทำให้ไม่ได้ดู
แต่อะไรคือการนำมาซึ่งการไร้คนไทยหรือ บริษัทในประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายมือไม้ในภาครัฐของไทยไม่ซื้อ หรือไม่คิดจะซื้อ อันนี้สำคัญยิ่ง!
จะเป็นด้วยราคาแพง นัยว่าตัวเลขกลมๆจะอยู่ในราวๆ 100 ล้านบาทไทย ซึ่งเชื่อยังสามารถต่อรองได้อีก ราคาขนาดนี้แพงจริงๆใช่ไหม ไม่อยากไปเทียบกับฟุตบอลโลกที่ไม่มีทีมไทยลงเล่นเพราะมันต่างกันมหาศาล แต่ฟุตบอลโลกภาครัฐแอ็กชัน ส่วนฟุตบอลไทยเงียบกริบ
ถูกแพงอยู่ที่ราคาซื้อ หรือโอกาสในการทำธุรกิจให้คุ้มทุน ถ้าเป็นประเด็นนี้ ย่อมชี้วัดได้ว่า ธุรกิจ หรือสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในบ้านเรามีปัญหาอย่างยิ่ง
นั่นจะโยงไปถึงการบริหารบ้านเมืองในภาพใหญ่ด้วยรึเปล่า
หรือการที่ไม่คุ้มทุนหากซื้อมานั้น จะเกี่ยวเนื่องกับวิกฤติศรัทธาต่อฟุตบอลชาติไทย ทำให้เอกชนก็ดี สปอนเซอร์ก็ดี ไม่ควักสนับสนุนซื้อโฆษณาแน่นอน หรือซื้อก็ไม่เพียงพอ ทั้งๆที่หากมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ฟรีทีวี ซึ่งก็มีเอเจนซีดูแลโฆษณาซื้อกันเป็นประจำ มีเครือข่ายความสัมพันธ์กับช่องต่างๆอยู่แล้ว
รวมถึงช่องทางดูเสียเงิน ซึ่งฟุตบอลรายการนี้ก็ไม่อยู่ในกฎมัสต์แฮฟด้วย ไม่จูงใจให้มีคนซื้อดูเลยหรือ
นั่นสะท้อนว่า ฟุตบอลทีมชาติไทยตอนนี้ ไม่มีราคาเลยหรือ
หากเป็นประเด็นนี้ การด้อยค่าทีมชาติไทย ก็ย่อมเกี่ยวเนื่องกับการบริหารจัดการ รวมถึงภาพลักษณ์ในการดูแลฟุตบอลของชาติ ภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯในยุคปัจจุบัน
จะเข้าข้อไหนบ้าง หรือเพิ่มเติมอะไรก็แล้วแต่แฟนบอล และแฟนกีฬาทั้งหลายจะพิจารณา
แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ก็บ่งชี้ว่าเป็นเรื่อง “ไม่ดี” และ “ไม่งาม” ทั้งสิ้นกับประเทศไทยและ ฟุตบอลชาติไทยของเรา…
This website uses cookies.