Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

การถ่ายทอดสด อาเซียน คัพ ที่ยังไม่ลงตัว??

Football Sponsored
Football Sponsored

นับถึงปัจจุบัน ก็เหลือเพียงแค่ 4 วัน เท่านั้น ที่ศึกแห่งศักดิ์ศรีแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเริ่มขึ้น

    แต่เวลานี้แฟนฟุตบอลชาวไทย ทั่วทุกหย่อมหญ้าต่างก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คัพ หรือ อาเซียน คัพ ประจำปี 2022 หรือไม่

    ด้วยเหตุที่ว่าสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ไม่ได้ต่อสัญญากับสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าน่าจะมาจากการที่มูลค่าเพิ่มขึ้นสูงเป็นจำนวนเท่าตัว

    แม้ว่าเรตติ้งจะสูงก็ตาม แต่คงต้องถอยเมื่อเจอการโก่งราคาแบบนี้

    ตามรายงานจากสื่อต่างๆ ในสยามประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าเหลือเพียงไทย เพียงชาติเดียวเท่านั้น ที่ยังไม่สามารถระบุถึงช่องทางการถ่ายทอดสดได้

   เข้าใจว่าด้วยมูลค่าที่เพิ่มกว่าเก่าก่อน บวกกับการแข่งขัน อาเซียน คัพ 2022 ก็อยู่ในห้วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับฟุตบอลโลกพอดี แถมยังเพิ่งจะพ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่นาน มันจึงทำให้ภาคเอกชนต่างต้องพิจารณาการใช้จ่ายแบบถี่ถ้วน

    เท่านั้นไม่พอ กระแสฟุตบอลไทย ในระยะหลังก็ถดถอยอย่างชัดเจน แฟนๆ เข้าไปชมเกมการแข่งขันแบบชิดติดขอบสนามลดลงจากปีก่อนๆ แบบน่าใจหาย

    ขณะที่ผลงานของทีมชาติก็ต้องยอมรับว่าทัพช้างศึกไปได้ไม่สวยเท่าใดนัก

    นับตั้งแต่คว้าแชมป์ อาเซียน คัพ 2020 เป็นต้นมา ไทย ก็ไม่เข้าใกล้ความสำเร็จเลย

    ดีที่สุดคือเหรียญเงิน ซีเกมส์ 2021 เท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นผลงานที่ไม่ตรงไปเป้าหมาย ขณะที่ฟุตบอลระดับเยาวชนก็ตกรอบอยู่บ่อยๆ

    จากหลายปัจจัยรอบด้าน มันจึงทำให้ความน่าสนใจของฟุตบอลไทย กลายเป็นเรื่องรองลงมา กระแสลมไม่ลอยบนเหมือนก่อน

    แต่ถึงอย่างนั้น เชื่อว่า อาเซียน คัพ ก็ยังเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนๆ ให้ความสนใจอยู่ เพราะมันมีศักดิ์ศรีและความเป็นแชมป์เก่าค้ำคอ

    ทว่าถ้าทุกอย่างยังคลุมเครือเช่นนี้อยู่ เกรงว่า ‘ศรัทธา’ ของฟุตบอลไทย จะเสื่อมถอยอีกครั้ง 

    อย่าลืมว่าเรื่องลิขสิทธิ์ ไทยลีก ในทีแรกก็ยุ่งเหยิงไม่เบาว่าจะถ่ายทอดสดผ่านช่องทางใด นับตั้งแต่แยกทางกับ ทรู วิชั่นส์ 

    เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ เพราะเมื่อย้อนกลับไป 7-8 ปี หลังสุด ภาพที่เห็นแฟนๆ แห่แหนกันเข้าสนามกันแบบล้นหลาม รวมไปถึงความฟีเวอร์ของสโมสรและทีมชาติต่างก็สร้างรายได้มหาศาล

    ฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ครอบครัวที่เห็นถึงอนาคตที่สดใสในภาคหน้า

    นักเตะกลายเป็นไอคอนและฮีโร่ของชาติ แสงสปอตไลต์ต่างสาดส่องมาที่วงการฟุตบอล ซึ่งเปรียบเสมือนกีฬาเบอร์หนึ่งของชาวสยามประเทศ

    อะไรต่อมิอะไรกำลังไปได้สวย

    แต่สิ่งที่สั่งสมมาก่อนหน้านี้นับสิบๆ ปี อาจจะพังทลายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เป็นได้ ฝันที่ยาวไกลกับการไปตะลุย เวิร์ล คัพ รอบสุดท้ายก็คงจะลมๆ แล้งๆ ต่อไป หากว่าความชัดเจนในหลากหลายเรื่องราวยังคงคลุมเครือ

    เรื่องการถ่ายทอดสด อาเซียน คัพ ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ไม่นับรวมเรื่องอื่นๆ ที่ยังรอการแก้ไขอีกเพียบ

    ฟุตบอลไทย จะเดินไปในทิศใดต่อดี?? 

ชิกกะด้าว

ที่มาของภาพ : siamsport

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.