Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

เมืองทองฯกร้าวไม่กลัวฟอร์มเจ๋งบุรีรัมย์ขอให้สู้ด้วยวิถีฟุตบอล

Football Sponsored
Football Sponsored

“กิเลนผยอง” กร้าวศึกบิ๊กแมตช์เอฟเอ คัพในการไปเยือนรัง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 3 เม.ย.นี้ ไม่มีความเกรงกลัวในฟอร์มที่แรงสุดๆของเจ้าถิ่น มั่นใจในตัวนักเตะที่กำลังคึกจัดกับการหยุดหยุดสถิติไร้พ่ายในนัดสุดท้ายของบีจี ทีมแชมป์ลีกมาได้ รวมทั้งเชื่อในการวางหมากของมาริโอ กุนซือจอมแฟชั่น หวั่นอย่างเดียวคือ ผู้ตัดสิน วอนให้การเป่านกหวีดและทีมงานวีเออาร์ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา มีแฟนๆจับตาดูอยู่ทั้งประเทศ อย่าให้การตัดสินทำลายอรรถรสของฟุตบอล ผลแพ้-ชนะขอให้เป็นไปอย่างยุติธรรม

       เป็นที่จับตาอย่างมากของบิ๊กแมตช์รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ ระหว่างทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะเปิดรังช้าง อารีน่า ต้อนรับการมาเยือนของคู่รักคู่แค้น “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 3 เมษายนนี้ เวลา 18.00 น. ถ่ายทอดสดทาง AIS PLAY ถือเป็นคู่หยุดโลกที่แฟนบอลทั่วประเทศต่างจับตามองเป็นอย่างมากว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร จะมีเหตุการณ์ดราม่าอะไรเกิดขึ้นในเกมนี้หรือไม่
    
    กานต์ จันทรัตน์ ผู้จัดการทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในแง่มุมต่างๆก่อนศึกใหญ่ครั้งนี้ว่า ทางทีมกิเลนผยองมีความพร้อมในเรื่องตัวผู้เล่นที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ แต่ที่สำคัญคือเรื่องสภาพจิตใจ ผู้เล่นของเราตอนนี้จิตใจดีมากๆ มีความกระหายที่จะทำศึกใหญ่ แต่ละครับเริ่มมีความมั่นใจ โดยเฉพาะเด็กดาวรุ่ง ที่ตอนต้นๆซีซั่นเล่นกันแบบประหม่า ไม่กล้าเล่นนัก เพราะหลายคนไร้ประสบการณ์ในเกมระดับสูง แต่ตอนนี้ทุกคนฮึกเหิม กล้าเล่น กล้าปะทะ กล้าทำเกม ผลงานโดยรวมจึงออกมาได้ดี
    
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดสุดท้ายของบอลลีกล่าสุด เด็กของเราสามารถหยุดสถิติไร้พ่ายของทีมแชมป์บีจีปทุม ด้วยการคว้าชัยขนะสวยงาม 1-0 ยิ่งทำให้ทุกคนคึกคัก มั่นใจกันมากที่การจะออกไปเยือนทีมปราสาทสายฟ้าวันเสาร์ที่ 3 เม.ย.นี้ ประกอบกับความเชื่อมันในการวางหมาก แก้เกมของกุนซือ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่แสดงให้ทั้งนักเตะและแฟนบอลให้เห็นแล้วว่าเขามีดีกับการจัดการทีม ทั้งวางตัว วางแผนการเล่นที่เหมาะสม ทำให้ทีมเราสามารถล้มทีมใหญ่ได้หลายทีม ทั้งๆที่เราใช้ผู้เล่นเด้กดาวรุ่งเป็นแกนหลักหลายคน
    
       อย่าลืมว่าตอนนี้บีจีปทุมคือแชมป์ไทยลีกที่ไม่เคยแพ้ใครในลีกมาก่อน  มาแพ้เราในลีกเป็นทีมแรกในนัดปิดฤดูกาล และก่อนหน้านั้นในฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพถ้วยนี้ เราเขี่ยบีจีปทุมที่ส่งชุดใหญ่เล่นตกรอบมาแล้วด้วย
    
       ส่วนผลงานการเจอกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในบอลลีก 2 นัด ในซีซั่นนี้ เราไม่แพ้บุรีรัมย์เลย โดยนัดแรกที่ไปเยือนรังปราสาทสายฟ้า เราบุกไปชนะ 3-2 ส่วนนัดที่สอง มาเล่นที่สนามเอสซีจี เสมอกัน 2-2 จึงไม่มีอะไรที่เราต้องไปเกรงกลัวบุรีรัมย์อีก แม้ว่าในลีกสองทางทีมบุรีรัมย์จะทำผลงานในลีกได้ยอดเยี่ยมมากๆกับการเร่งสปีดผลงานที่ทำได้ไม่ดีนักอยู่กลางๆตารางจนขึ้นมาจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์สำเร็จ แต่เชื่อนในกึ๋นของมาริโอ และผลงานของเด็กๆว่าจะทำได้ดีอีกครั้ง
    
       ผจก.เอสซีจี เมืองทอง กานต์ จันทรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เรากลัวมีอยู่อย่างเดียวคือ การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ที่เราหวั่นเพราะที่ผ่านมาเราเสียผลประโยชน์จากการทำหน้าที่ของเชิ้ตดำมากมาย จะมากที่สุดกว่าทุกทีมเลยก็ว่าได้ ดูได้จากการที่เราทำเรื่องฟ้องผู้ตัดสิน และทีมวีเออาร์ต่อคณะกรรมการของสมาคมฟุตบอลมากว่าใคร หลายครั้งที่เราฟ้องชนะ แต่บทลงโทษก็เบาหวิว ผู้ตัดสินที่เป่าผิดพลาดอย่างน่ากังขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังได้กลับมาทำหน้าที่ได้อีกหลังพ้นโทษอันจิ๊บจ๊อย
    
        ทางทีมเอสซีจี เมืองทอง จึงอยากจะวอนไปยังผู้ตัดสิน และทีมวีเออาร์ ไม่ว่าทางสมาคมจะส่งใตรมาทำหน้าที่ก็ตาม ขอให้ทำหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรี อย่าลำเอียงเข้าข้างทีมใดทีหนึ่งให้เสียอรรถรสในฟุตบอล ทางบุรีรัมย์ก็เป็นทีมยักษ์ใหญ่ เชื่อว่าทั้งผู้บริหาร กุนซือ นักเตะ และแฟนบอลไม่มีใครอยากชนะด้วยผลการแข่งขันที่น่ากังขาจากผู้ตัดสิน เมืองเอเองก็เช่นกันเราต้องการชัยชนะแบบแฟร์ ไม่ต้องมีการมาเป่าเข้าข้าง ถ้าเราแพ้ เราก็ขอแพ้แบบสมศักดิ์ศรีตามวิถีของฟุตบอลที่ขาวสะอาด
    
      ฝากไว้เลยว่านัดนี้แฟนบอลทั่วประเทศจับตามอง เพราะมีถ่ายทอดสดผ่านทางเอไอเอส เพลย์ (AIS PLAY) ด้วย ทีมผู้ตัดสินและทีมวีเออาร์ต้องทำหน้าที่เที่ยงตรง ยุติธรรม อย่าเอาชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวไปแลกกับเรื่องมัวหมองในชีวิตเลยครับ

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.